ศาลอาญาคดีทุจริตฯ พิพากษาจำคุก 6 ปี “อดีตพระพรหมดิลก” คดีฟอกเงิน-ทุจริตเงินทอนวัด

0
962

BREAKKING NEWS วันนี้ (16 พ.ค.62) มีรายงานข่าวแจ้งว่า ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถนนนครไชยศรี นัดฟังคำพิพากษาคดีทุจริตเงินทอนวัด สำนวนที่ 2 ที่พนักงานอัยการ สำนักงานปราบปรามการทุจริต 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายเอื้อน กลิ่นสาลี หรืออดีตพระพรหมดิลก ( เอื้อน หาสธมฺโม) อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพระยา และอดีตเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร กับนายสมทรง อรรถกฤษณ์  หรืออดีตพระอรรถกิจโสภณ อดีตเลขานุการเจ้าคณะกรุงเทพฯ วัดสามพระยา ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ร่วมกันฟอกเงิน อันเป็นความผิดตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ 2542 กรณีพวกจำเลยร่วมกันทุจริตเงินทอนวัด ในส่วนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม

ศาลพิเคราะห์จากพยานหลักฐานแล้วเห็นว่าจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 มีความผิดตามฟ้อง ในความผิดร่วมกันฟอกเงิน เนื่องจากงบที่ได้รับมาจาก พศ. จำนวน 5 ล้านบาทนั้น เป็นงบที่ให้สนับสนุนการศึกษาโรงเรียนปริยัติธรรม แต่วัดสามพระยาไม่มีโรงเรียนปริยัติธรรม จำเลยไม่ส่งคืน พศ. กลับมอบอำนาจให้ผู้อื่นเบิกถอนเงินไปใช้ก่อสร้างและบูรณะสิ่งปลูกสร้างในวัด โดยอ้างว่าเข้าใจว่าเป็นงบประมาณบูรณาการที่เคยขอไป แต่ในการสืบพยานนัดแรก จำเลยไม่ได้นำเอกสารของบและรับงบมายื่นต่อศาล แต่ขอเพิ่มเติมภายหลัง ทั้งที่เป็นเอกสารสำคัญ อีกทั้งมีการเบิกงบไปฝากบัญชีประจำรวม 2 บัญชี เพื่อเอาดอกเบี้ยเงินฝาก การกระทำของจำเลยทั้ง 2 จึงเป็นการยักย้าย เปลี่ยนทรัพย์สินซึ่งได้มาจากการทุจริต มูลฐานความผิดทุจริตงบประมาณสนับสนุนการศึกษาวัดของ พศ. ศาลจึงลงโทษให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ ต้องรับโทษ 2 เท่าของโทษทางคดี ลงโทษจำคุกรวม 6 ปี

ส่วนจำเลยที่ 2 ตัดสินลงโทษจำคุก 3 ปี และสั่งยกฟ้องในคดีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริตเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157