มจร ประกาศใช้แผนพัฒนาระยะที่ ๑๓ ชูหลักพุทธศาสนาบูรณาการกับศาสตร์สมัยใหม่ สร้างพุทธนวัตกรรมเพื่อพัฒนาจิตใจและสังคม

0
239

เมื่อวันที่ ๓๑ มี.ค.๖๕ พระเมธีธรรมาจารย์ หรือ เจ้าคุณประสาร รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) กล่าวว่า ในฐานะประธานคณะทำงานยกร่าง แผนพัฒนามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ระยะที่ ๑๓ พร้อมคณะ ได้เสนอแผนฯต่อสภามหาวิทยาลัยเพื่อขออนุมัติประกาศใช้เป็นแผนระยะ ๕ ปี ต่อไป

พระเมธีธรรมาจารย์ กล่าวต่อไปว่า แผนพัฒนามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ระยะที่ ๑๓ (พ.ศ. ๒๕๖๖ – ๒๕๗๐) ฉบับนี้ ได้กำหนดวิสัยทัศน์ให้เป็น “มหาวิทยาลัยที่จัดการศึกษาพระพุทธศาสนา บูรณาการกับศาสตร์สมัยใหม่และสร้างพุทธนวัตกรรมเพื่อพัฒนาจิตใจและสังคม” หมายถึง การเป็นมหาวิทยาลัยที่ใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาในการขับเคลื่อนพันธกิจเพื่อสร้างพุทธนวัตกรรมในการพัฒนาจิตใจ และสังคม  อันเป็นผลที่ได้มาจากกระบวนการจัดทำแผนพัฒนามหาวิทยาลัย ที่ยึดหลักการมีส่วนร่วมเป็นสำคัญ โดยได้จัดให้มีการระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนของมหาวิทยาลัย ในการกำหนดกรอบวิสัยทัศน์ ตามนโยบายของผู้บริหาร และกำหนดยุทธศาสตร์ ภายใต้พันธกิจ และกรอบยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ ๒๐ ปี โดยมีความเชื่อมโยงกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๓ (พ.ศ. ๒๕๖๖ – ๒๕๗๐) สอดคล้องกับแผนพัฒนาการอุดมศึกษา  สอดคล้องกับการจัดกลุ่มสถาบันอุดมศึกษากลุ่มที่ ๔ กลุ่มพัฒนาปัญญาและคุณธรรมด้วยหลักศาสนา  โดยยังคงเป็นไปตามปรัชญา ปณิธาน ตลอดจนพันธกิจของมหาวิทยาลัย

พระเมธีธรรมาจารย์ กล่าวอีกว่า ในการดำเนินการจัดทำแผนพัฒนามหาวิทยาลัยฯ ฉบับนี้ เริ่มจากการประชุมคณะทำงานยกร่างแผนพัฒนามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เมื่อวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๖๔ โดยมีผู้แทนจากส่วนงานในภูมิภาคต่างๆ ของมหาวิทยาลัย มาวางแผนการทำงาน  โดยได้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อทบทวนแผน ๑๒ และยกร่างแผน ๑๓ จำนวน ๓ ครั้งตามภูมิภาคต่างๆ ดังนี้

ครั้งที่ ๑ ส่วนงานภาคเหนือ ระหว่างวันที่ ๑๔ – ๑๗ มีนาคม ๒๕๖๔. ณ วิทยาลัยสงฆ์นครน่านเฉลิมพระเกียรติ โดยมีส่วนงานที่เข้าร่วมจำนวน ๙ ส่วนงาน ได้แก่ วิทยาเขตเชียงใหม่ วิทยาเขตแพร่  วิทยาเขตพะเยา วิทยาลัยสงฆ์พุทธชินราช วิทยาลัยสงฆ์ลำพูน  วิทยาลัยสงฆ์เชียงราย วิทยาลัยสงฆ์ลำปาง วิทยาลัยสงฆ์นครน่านเฉลิมพระเกียรติ วิทยาลัยสงฆ์พ่อขุนผาเมือง

ครั้งที่ ๒ ส่วนงาน ส่วนกลาง ภาคกลาง ภาคใต้ ระหว่างวันที่ ๓๐ – ๓๑ มีนาคม –วันที่  ๑ เมษายน ๒๕๖๔ ณ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย อ.วังน้อย โดยมีส่วนงานที่เข้าร่วมจำนวน ๑๕ ส่วนงาน ได้แก่ ส่วนกลาง วิทยาเขตบาฬีศึกษาพุทธโฆส วิทยาเขตนครศรีธรรมราช วิทยาเขตนครสวรรค์ วิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี  วิทยาลัยสงฆ์ราชบุรี วิทยาลัยสงฆ์ปัตตานี วิทยาลัยสงฆ์สุราษฏร์ธานี วิทยาลัยสงฆ์สุพรรณบุรีศรีสุวรรณภูมิ วิทยาลัยสงฆ์ระยอง วิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ วิทยาลัยสงฆ์พิจิตร วิทยาลัยสงฆ์เพชรบุรี วิทยาลัยสงฆ์ชลบุรี

ครั้งที่ ๓ ส่วนงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ณ วิทยาเขตขอนแก่น ระหว่างวันที่ ๗ – ๙ เมษายน ๒๕๖๔ โดยมีส่วนงานที่เข้าร่วมจำนวน ๑๒ ส่วนงาน ได้แก่ วิทยาเขตหนองคาย วิทยาเขตขอนแก่น วิทยาเขตนครราชสีมา วิทยาเขตอุบลราชธานี วิทยาเขตสุรินทร์ วิทยาลัยสงฆ์เลย วิทยาลัยสงฆ์นครพนม วิทยาลัยสงฆ์บุรีรัมย์ วิทยาลัยสงฆ์ศรีสะเกษ วิทยาลัยสงฆ์ชัยภูมิ วิทยาลัยร้อยเอ็ด และวิทยาลัยสงฆ์มหาสารคาม

หลังจากนั้นคณะทำงานประชุมเพื่อทำการวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูลจากการประชุมเชิงปฏิบัติการดังกล่าว จึงได้กำหนดยุทธศาสตร์ เป้าประสงค์ ตัวชี้วัด และกลยุทธ์  เพื่อให้สามารถนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จตามวิสัยทัศน์ที่ได้กำหนดไว้ และได้ทำการประชาพิจารณ์จากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตามภูมิภาคต่างๆอีกจำนวน ๔ ครั้ง ผ่านระบบออนไลน์ โดยแบ่งเป็นภูมิภาค ดังนี้

วันที่ ๗ มี.ค. ๒๕๖๕  มจร โซนภาคใต้

วันที่ ๘ มี.ค. ๒๕๖๕  มจร โซนภาคเหนือ

วันที่ ๙ มี.ค. ๒๕๖๕  มจร โซนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

วันที่ ๑๐ มี.ค.๒๕๖๕ มจร โซนภาคกลาง

หลังจากนั้น คณะทำงานได้ทำการประชุมเพื่อปรับแก้ไข (ร่าง) แผนพัฒนา ฯ จากเวทีประชาพิจารณ์ ในระหว่างวันที่ ๑๒ – ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๕  ณ วิทยาลัยสงฆ์เชียงราย  โดยได้กำหนดยุทธศาสตร์จำนวนทั้งสิ้น ๕ ประเด็นยุทธศาสตร์ ๑๕ เป้าประสงค์ ๓๗ ตัวชี้วัด ๒๙  กลยุทธ์ โดยมีรายละเอียดดังนี้

ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ ๑ จัดการศึกษา พัฒนาบัณฑิตให้มีสติ ปัญญาและคุณธรรม โดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา บูรณาการในการจัดการเรียนการสอน เพื่อให้ได้บัณฑิตที่มีคุณภาพและคุณธรรม เป็นไปตามจุดมุ่ง่หมายของการจัดกลุ่มสถาบันอุดมศึกษากลุ่มที่ ๔ กลุ่มพัฒนาปัญญาและคุณธรรมด้วยหลักศาสนา และเป็นไปตามจุดมุ่งหมายของแผนพัฒนาการศึกษาชาติที่ให้การศึกษาเป็นเครื่องมือ และกลไกสำคัญในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีความเป็นพลเมือง มีทักษะความรู้ ความสามารถ และสมรรถนะในการปฏิบัติงาน และดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างเป็นสุข ประกอบด้วย ๔ เป้าประสงค์ ๑๖ ตัวชี้วัด ๑๑ กลยุทธ์

ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ ๒ พัฒนางานวิจัยและสร้างพุทธนวัตกรรมให้มีคุณภาพทั้งในระดับชาติและนานาชาติ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาองค์ความรู้ และพุทธนวัตกรรม เพื่อให้สามารถตอบสนองความตต้องการในการแก้ไขปัญหาของชุมชน สังคม ประเทศชาติ โดยใช้หลักพุทธศาสนา ตามเป้าหมายหลักของนโยบายและยุทธศาสตร์การวิจัยของชาติ ประกอบด้วย ๔ เป้าประสงค์ ๙ ตัวชี้วัด ๖ กลยุทธ์

ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ ๓ บริการวิชาการด้านพระพุทธศาสนาเพื่อส่งเสริม และสนับสนุน ชุมชน วัดและสังคมสันติสุข โดยมุ่งเน้นการสร้างเครือข่ายในสังคมเพื่อบริการวิชาการด้านพระพุทธศาสนา และปรัชญาในพื้นที่ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อสร้างชุมชนและสังคมสันติสุขภายใต้บริบทและความเข้มแข็งของแต่ละพื้นที่ ประกอบด้วย ๒ เป้าประสงค์ ๓ ตัวชี้วัด ๓ กลยุทธ์

ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ ๔ อนุรักษ์ สืบสาน ส่งเสริมพระพุทธศาสนา ศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่างยั่งยืน โดยมุ่งอนุรักษ์ศิลปะและวัฒนธรรมของชาติ และสืบสานเจตนารมณ์รวมไปถึง   พัฒนาศิลปะวัฒนธรรม ของไทยให้แพร่หลาย เป็นที่รู้จัก แก่สังคม ชุมชนอย่างยั่งยืน ประกอบด้วย  ๒ เป้าประสงค์ ๒ ตัวชี้วัด ๒ กลยุทธ์

ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ ๕ พัฒนาระบบการบริหารจัดการองค์กรเชิงพุทธบูรณาการ เพื่อให้เป็นต้นแบบขององค์กรวิถีพุทธที่นำหลักพระพุทธศาสนามาบูรณาการกับ การบริหารจัดการสมัยใหม่ อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบด้วย ๓ เป้าประสงค์ ๗ ตัวชี้วัด ๗ กลยุทธ์

พระเมธีธรรมาจารย์ กล่าวในตอนท้ายว่า  แผนพัฒนามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ระยะที่ ๑๓ (พ.ศ.๒๕๖๖ – ๒๕๗๐) ได้รับการอนุมัติจากสภามหาวิทยาลัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากนี้ไปก็จะเป็นการแปลงแผนไปสู่การปฏิบัติและให้ทุกส่วนงานมาลงนามรับทราบเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติต่อไป