ผบก.ป.เผยละเอียดโกงงบอุดหนุนวัดสระเกศฯ ขู่ใครช่วยเหลือ 2 พระหลบหนีคุก 2 ปี ยอมรับพระมั่วหมอนวดเรื่องจริง เตรียมส่งเรื่องให้ มส.ปลดทุกตำแหน่ง

0
1070

เมื่อวันที่ 26 พ.ค. พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.) กล่าวถึงการติดตามตัว พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) เจ้าอาวาสวัดสะเกศฯ กรรมการมส. และพระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม กรรมการมส. สองผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีว่า ขณะนี้ในส่วนของกองปราบฯยังไม่ได้รับการติดต่อมอบตัวมาอย่างเป็นทางการ ได้มอบหมายให้ชุดสืบสวนตามล่าตัวและกดดันอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของ พระพรหมสิทธิ นั้นจากแนวทางการสืบสวนเชื่อว่าจะยังซ่อนตัวอยู่ในกรุงเทพฯไม่ได้หนีไปไหนไกล ส่วน พระพรหมเมธี เจ้าหน้าที่ก็ยังคงแกะรอย ยืนยันว่าทั้งคู่ยังอยู่ในเมืองไทย และคาดว่าจะได้ตัวในเร็วๆ นี้ ทั้งนี้ขอเตือนไปยังคนสนิทของผู้ต้องหารวมทั้งผู้ที่คิดว่าจะให้ความช่วยเหลือ เพราะการให้ความช่วยเหลือเพื่อให้ที่ซุกซ่อนผู้ต้องหานั้นถือว่าเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 189 ที่ระบุว่า ผู้ใดช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด เพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้นหรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใดเพื่อไม่ให้ถูกจับกุม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ส่วนกรณีที่ข้อมูลแนวทางการสืบสวนพบว่า พระผู้ใหญ่บางคนที่พฤติกรรมที่มั่วสีกาเข้าข่ายอาบัติปาราชิกเพราะมีเพศสัมพันธ์กับหมอนวดและบางรูปมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกับสีกาคนสนิทนั้น พล.ต.ต.ไมตรี กล่าวยอมรับว่า เป็นเรื่องจริงที่พบจากแนวทางการสืบสวนแต่ตำรวจไม่สามารถที่จะบอกได้ว่าเป็นพระผู้ใหญ่รูปไหน ซึ่งในกรณีนี้แม้ว่าจะไม่เป็นการกระทำความผิดอาญาแต่ตำรวจก็จะทำเป็นบันทึกการสืบสวนเพื่อเสนอไปยังสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) ให้ทราบถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ควรประจานให้สังคมรู้ ซึ่งขั้นตอนต่อไปสำนักพุทธฯ ก็จะเสนอไปยังมหาเถรสมาคม(มส.) เพื่อเป็นข้อมูลพิจารณาในการปลดพระสงฆ์ที่มีพฤติกรรมดังกล่าวจากตำแหน่งต่างๆ รวมถึงสมณะศักดิ์ที่ได้รับมาก่อนหน้านี้ด้วย ซึ่งการปลดนั้นจะเป็นมติของมหาเถระสมาคมที่จะพิจารณาต่อไป

ด้าน พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีการติดตามตัวพระพรหมสิทธิ ว่า  เท่าที่ทราบตัวผู้ถูกกล่าวหา น่าจะหลบออกจากวัดไปตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค. หลังกลับมาจากไปทำกิจของสงฆ์ที่ พุทธมณฑล ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม แล้วมาฉันภัตตาหารเพลที่วัด เสร็จแล้วก็กลับมายังกุฏิ ก่อนที่จะหายตัวไป ซึ่งก็คาดว่าน่าจะใช้เวลาในช่วงดังกล่าวหลบออกจากวัดหลบหนีไปกับลูกศิษย์คนสนิทที่ไว้ใจได้  ขณะนี้กำลังให้ฝ่ายสืบสวนตรวจสอบทางเทคนิคเพื่อหาความเคลื่อนไหว ร่วมทั้งเบาะแสความเคลื่อนไหวล่าสุด โดยเชื่อว่าไม่น่าจะหลบหนีไปไหนได้ไกล เพราะตัวท่านเองก็ยังถือว่าเป็นพระสงฆ์รูปหนึ่ง  ที่ไม่สามารถจะปลอมตัวได้เหมือนกับเพศฆราวาส ซึ่งก็คาดว่าน่าจะหลบอยู่แต่ในบ้านของลูกศิษย์คนใดคนหนึ่งก็เป็นได้

 

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับเบื้องหลังการออกหมายจับกุมพระเถระชั้นผู้ใหญ่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามครั้งนี้  ได้มีการส่งเจ้าหน้าที่สืบสวนหาข่าวมาตั้งแต่เมื่อปลายปีที่แล้ว หลังได้รับข้อมูลเชิงลึกว่าพระเถระชั้นผู้ใหญ่ประพฤติตัวไม่เหมาะสม โดย พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. ได้สั่งการให้ตำรวจในสังกัดทั้ง บก.ป. บก.ปอท. บก.ปปป. ตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดที่ได้มาว่ามีความจริงแค่ไหน โดยให้บก.ปปป.และบก.ปอท.  รวบรวมเกี่ยวกับเรื่องเส้นทางการเงิน และบก.ป. ดำเนินการสืบสวนในเรื่องพฤติกรรมที่ทำตัวไม่เหมาะสมแล้วนำข้อมูลทั้งหมดมารวบรวมเพื่อตกผลึก

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า นอกจากการสืบสวนสอบสวนหารายละเอียดในด้านเส้นทางการเงินของแต่ละบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเงินทอนวัดแล้ว เจ้าหน้าที่ยังได้สืบสวนเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมของบุคคลต่างๆ ที่พบในคดีนี้ว่า มีความเกี่ยวข้องกับพระเถระผู้ใหญ่ที่ถูกออกหมายจับเป็นในลักษณะใดกันบ้าง จนข้อมูลทั้งหมดเริ่มชัดเจน จึงได้เปิดปฏิบัติการตรวจค้นผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เริ่มจากกลางเดือนพฤษภาคม พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป.พ.ต.อ.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผบก.ป. พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1.บก.ป.พร้อมเจ้าหน้าที่ปปง.นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 265/154 หมู่บ้านสีวลีรามคำแหง ถ.ราษฎร์พัฒนา (ซอยมิสทีน) แขวงและเขตสะพานสูง บ้านของนางฑัมม์พร นิพนธ์พิทยา แต่ขณะที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นไม่อยู่ พบแต่ ร.ท.ฐิติทัตน์ นิพนธ์พิทยา เจ้าหน้าที่ทหารในสังกัดศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย อยู่กับภรรยา และน.ส.นุชรา สิทธินอก อายุ 32 ปี ชาว จ.บุรีรัมย์ แม่ค้าตลาดสี่มุมเมือง ที่มาคอยทำหน้าที่เป็นแม่บ้าน

รายงานข่าวแจ้งต่อว่า จากแนวทางการสอบสวนเส้นทางการเงินพบน.ส.นุชรา ได้ไปเบิกแคชเชียร์เช็คจากพระวิจิตรธรรมาภรณ์ หรือเจ้าคุณเทอด ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศวรวิหาร 5 ครั้งๆ ละ 5 ล้านบาท โดยจัดทำเป็นงบทำหนังสือและแผ่นซีดีเผยแผ่พระพุทธศาสนา ที่วัดสระเกศได้รับงบประมาณมาจากสำนักพุทธฯ 30 กว่าล้านบาท โดยมีนายธีระพงษ์ พันธ์ศรี ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพระภายในวัดสระเกศ นำ น.ส.นุชรา ซึ่งถูกตั้งให้เป็นผู้จัดการ หจก. ดีดี ทวีคูณ ไปรับเช็ค 5 ครั้ง รวม 25 ล้านบาท เข้าบัญชีน.ส.นุชรา ก่อนที่นายธีระพงษ์ จะพาน.ส.นุชรา ไปเบิกเงินออกมาจากธนาคาร ครั้งละ 1.8-1.9 ล้านบาท โดยไม่ยอมเบิกเงินเกิน 2 ล้านบาท เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่รัฐ จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของเจ้าหน้าที่พบว่า หลังจากได้เงินดังกล่าวมาแล้วได้ต่อทอดไปถึงนางฑัมม์พรอีกที  สำหรับเงินอีก 5 ล้านบาท จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่าอยู่ที่นายธีระพงษ์ เป็นผู้รับในส่วนนี้ไป จากหลักฐานทั้งหมดที่พบ จึงนำไปสู่การขอออกหมายจับฆาราวาส 4 รายที่พัวพันกับการฟอกเงินครั้งนี้

สำหรับนางฑัมม์พร นิพนธ์พิทยา อายุ 50 ปี เคยเป็นเจ้าของ ห้างหุ้นส่วนจำกัด  ดีดี ทวีคูณ รับงานประชาสัมพันธ์ต่างๆ ให้กับวัดสระเกศ จดทะเบียนตั้งขึ้นเมื่อปี 2552 มีความสนิทสนมส่วนตัวกับพระพรหมสิทธิ เจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ จนได้รับงานจัดทำหนังสือและวีดีโอเผยแผ่พุทธศาสนาให้กับวัดสระเกศ รวมทั้งรายการ วิถีไทย วิถีพุทธ ก่อนจะถอนหุ้นออกมาเมื่อปี 2560 จากนั้นได้มี น.ส.นุชรา สิทธินอก แม่ค้าขายลูกชิ้นที่ตลาดสี่มุมเมือง เข้ามาถือหุ้น 14.29 เปอร์เซ็นต์ ร่วมกับนายกนกศักดิ์ ภูทองอูบ ที่ถือหุ้น 85.71 เปอร์เซ็น นอกจากนั้นยังตั้งให้น.ส.นุชรา เป็นผู้จัดการ ดูแลเรื่องการเบิกเงินจากวัดสระเกศทั้งหมดด้วย