โผล่เพิ่มอีก 2 แห่ง! ลูกศิษย์สมเด็จพระวันรัต ยักยอกเงินวัดสาขา จ.ตราด งบสร้างวัด-โรงเรียน เกือบร้อยล้าน

0
303

ผบช.ก.เตือนคนรับทรัพย์สินหรือยักย้ายถ่ายเท รีบนำมาคืนไม่งั้นโดนดำเนินคดี

เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (วันที่ 4 เม.ย.) ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. กล่าวถึงกรณีการยักยอกเงินจากบัญชีของวัดบวรนิเวศวิหารและวัดสาขา หลังจาก สมเด็จพระวันรัต (จุนท์ พฺรหฺมคุตฺโต) อดีตเจ้าอาวาสวัดบวรฯ มรณภาพว่า สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้มีการร้องทุกข์กล่าวโทษมีบุคคลต้องสงสัยลักทรัพย์เงินของวัด จึงจัดทีมสืบสวนสอบสวน ก่อนพบความผิดปกติรวมถึงพยานหลักฐานสำคัญหลายอย่าง จึงขออำนาจศาลออกจับบุคคลรายดังกล่าว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน และจะดำเนินการตรวจสอบให้ครบทุกมิติ เบื้องต้นขณะนี้ยังพบผู้กระทำผิดเพียงแค่รายเดียว

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า สำหรับความเสียหายเบื้องต้นพบมีหลายวัด เป็นวัดสาขา ประมาณ 3 วัด อยู่ในภาคกลาง และ ภาคตะวันออก มูลค่าหลักร้อยล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นเงินของวัด ที่จะนำไปใช้บูรณะซ่อมแซมหรือ สร้างวัด ซึ่งจากการสอบปากคำผู้ต้องหาเบื้องต้นให้การปฏิเสธ อ้างว่าเป็นการให้โดยเสน่หา แต่ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากค่อนข้างขัดแย้งกับพยานหลักฐานที่มีอยู่ จึงต้องว่ากันไปตามข้อเท็จจริง ส่วนทรัพย์สินต่างๆ ขณะนี้สามารถติดตามกลับคืนมาได้เยอะพอสมควร อาทิ รถยนต์หรู และ เงินสด

ผบช.ก. กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่ทรัพย์สินบางของผู้ต้องหาเป็นการถือครองโดยบุคคลอื่นหรือบุคคลใกล้ชิด อยู่ระหว่างตรวจสอบซึ่งต้องดูเจตนาให้แน่ชัดว่ามีเจตนาให้การช่วยเหลือยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินด้วยหรือไม่ ดังนั้นเพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจขอให้รีบนำกลับมาคืน ไม่เช่นนั้นอาจถูกดำเนินคดีในฐานความผิด “ฟอกเงิน” ส่วนยอดเงินความเสียหายคาดว่าน่าจะมีมากกว่า 190 ล้าน อยู่ระหว่างการตรวจสอบให้แน่ชัด คาด

รายงานข่าวแจ้งว่า นอกจากนี้จากตรวจสอบยังพบว่า ในช่วงเวลาเดียวกัน ผู้ต้องหายังได้กระทำในลักษณะเดียวกันกับวัดสาขาในพื้นที่ จ.ตราด อีก 2 วัด อาทิ วัดรัตนวราราม  และ วัดคีรีวิหาร เบื้องต้นพบเป็นเงินงบประมาณจัดสร้างวัดรัตนวราราม 80 กว่าล้านบาท และ งบจัดสร้างโรงเรียนวัดคีรีวิหาร อีกกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง

แจ้ง 4 ข้อหาหนัก “เนย” ชุดสืบสวนกองปราบฯเร่งสอบสวนขยายผลร่วมกับ ป.ป.ง. เพื่อนำทรัพย์สินมาคืนวัด

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า หลังชุดสืบสวนได้จับกุมตัว นายเนย ไว้ได้แล้วนั้น นายเนย (นามสมมติ) ได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างกับชุดสืบสวนว่าเงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินที่สมเด็จพระวันรัตมอบให้ไว้ใช้จ่ายส่วนตัว ไม่ได้ฉ้อโกงมาแต่อย่างใด แต่อย่างไรก็ตามหลักฐานที่ทางวัดมอบให้กับตำรวจนั้นชัดเจนว่าเป็นเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดเพราะเป็นเงินที่ถูกโอนจากบัญชีวัดมาเข้าบัญชีส่วนตัวของ นายเนย ในเบื้องต้นจึงได้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหารายนี้รวม 4 ข้อหา ประกอบด้วย ฉ้อโกง, ลักทรัพย์, ปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม และ ฟอกเงิน ซึ่งขณะนี้ชุดสืบสวนกองปราบฯกำลังสอบสวนขยายผลเกี่ยวกับทรัพย์ของนายเนย ร่วมกับ ป.ป.ง. เพื่อนำทรัพย์สินมาคืนวัด

มีรายงานจากชุดสืบสวนคดีนี้ว่า คดีนี้เริ่มเกิดขึ้นเมื่อประมาณปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา นายเนย ได้ใช้อุบายหลอกลวงให้สมเด็จพระวันรัต ลงลายมือชื่อในใบถอนเงิน จากนั้นได้นำใบถอนเงินฉบับดังกล่าวมาเขียนจำนวนเงินตามที่ตนเองต้องการ แล้วนำไปแสดงต่อพนักงานธนาคารแห่งหนึ่ง เพื่อถอนเงินออกจากบัญชีเงินฝากของวัดชิรธรรมาราม จ.อยุธยา ต่อมาประมาณต้นเดือนมกราคม นายเนย ยังคงใช้อุบายหลอกลวงให้สมเด็จพระวันรัต ลงลายมือชื่อในใบถอนเงินแล้วนำมาเขียนจำนวนเงินตามที่ตนเองต้องการ อีกเช่นเคย แต่ในครั้งนี้ได้มอบหมายให้ผู้ใกล้ชิดของสมเด็จพระวันรัตอีกคนหนึ่งเป็นผู้นำใบถอนเงินฉบับดังกล่าวไปแสดงต่อพนักงานธนาคาร เพื่อถอนเงินออกจากบัญชีเงินฝากของวัดวชิรธรรมาราม แล้วให้ผู้ที่ได้รับมอบหมายทำธุรกรรมซื้อแคชเชียร์เช็ค สั่งจ่ายให้แก่ นายเนย ก่อนที่ฝากเข้าบัญชีเงินฝากของตนเอง

ต่อมา วัดวชิรธรรมาราม ได้ตรวจพบการทุจริตของนายเนย จึงได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนกองปราบฯ เพื่อให้ดำเนินคดีกับ นายเนยตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้หลังจากที่เจ้าอาวาสวัดวชิรธรรมาราม ได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนกองปราบฯแล้ว ทางวัดบวรนิเวศวิหาร เชื่อว่า นายเนย น่าจะทุจริตเอาเงินหรือทรัพย์สินอื่นใดของวัดบวรนิเวศวิหาร ไปด้วย พระธรรมวชิรญาณ (จิรพล อธิจิตฺโต)รักษาการเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร และเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร-สมุทรปราการ (ธรรมยุติ) จึงมีคำสั่งให้ตรวจสอบทรัพย์สินของสมเด็จพระวันรัต อดีตเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ด้วย

จากการตรวจสอบของ พระธรรมวชิรญาณ พบว่า สมเด็จพระวันรัต ได้เปิดบัญชีเงินฝากส่วนตัว และบัญชีที่เกี่ยวข้องกับวัดบวรนิเวศวิหาร ไว้กับธนาคารจำนวนหลายบัญชี ซึ่งเมื่อประมาณปลายเดือนตุลาคม 2564 นายเนย ได้นำสมุดบัญชีเงินฝากจำนวนหลายเล่ม และบัตรประจำตัวประชาชนของสมเด็จพระวันรัต พร้อมโทรศัพท์มือถือของ นายเนย มามอบให้บุคคลใกล้ชิดของสมเด็จพระวันรัตอีกคนหนึ่ง แล้วสั่งการให้บุคคลดังกล่าวนำไปติดต่อกับพนักงานธนาคาร เพื่อเปลี่ยนแปลงข้อมูลเครื่องโทรศัพท์ที่ใช้ในการทำธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ หลังจากนั้น นาย เนย ได้ใช้โทรศัพท์มือถือของตนเองทำธุรกรรมโอนเงินจากบัญชีเงินฝากของสมเด็จพระวันรัต และบัญชีอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัดบวรนิเวศวิหาร มายังบัญชีเงินฝากของตนเอง เป็นเหตุให้วัดวชิรธรรมารามได้รับความเสียหายเป็นเงินจำนวน 80 ล้านบาทเศษ และวัดบวรนิเวศวิหาร ได้รับความเสียหายเป็นเงินจำนวน 110 ล้านบาทเศษ รวมความเสียหายของทั้งสองวัด เป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 190 ล้านบาทเศษโดยวัดบวรนิเวศวิหาร ได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนเพื่อให้ดำเนินคดีกับ นายเนย ในวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา

*****************************************************************