อธิบดีศน. เต้นถูกป้ายข่าว จนท.นั่งจ๋อหวอ-ยืนค้ำหัวเณร ด้านผอ.ร.ร.พระปริยัติธรรม จี้ผอ.พศ. ให้สอบเงินแท้งก่อนสอบเงินทอนกับพระ

0
8958

 

….ยืนยันภาพหลุดเป็นจนท.พศ. ไม่ใช่ศน. จู่โจมโดยไม่แจ้งล่วงหน้าขณะอบรมสามเณรใต้ร่มไม้ เผยมีพระสังฆราชเคยเรียนที่นี่ถึง 2 พระองค์ ทั้งทรงประทานโล่ผู้บริหารสอนจริยธรรมดีเด่น เมื่อปี 42  จี้ผอ.พศ.สอบเงินแท้งก่อนเงินทอนปลายเหตุ

จากกรณีการเผยแพร่ภาพหลุดเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนา(พศจ.) จังหวัดนครปฐม ในลักษณะการนั่ง-ยืนที่ไม่เหมาะสมขณะเรียกขานรายชื่อสามเณรที่นั่งราบกับพื้น ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามหนังสือสั่งการที่ พศ.0002/06947 ของ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมเสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(ผอ.พศ.) ที่ให้ผอ.พศจ.ทุกจังหวัดเข้าตรวจสอบจำนวนนักเรียนโรงเรียนปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ว่ามีการรายงานจำนวนเป็นเท็จหรือไม่ จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทางโลกโซเชียล ว่าเป็นกิริยาที่ไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง และล่าสุดยังมีบางสำนักข่าวได้พาดหัวข่าวคลาดเคลื่อนไปถึงกรมการศาสนา(ศน.) กระทรวงวัฒนธรรม(วธ.) ว่า “ชาวพุทธงง! เจ้าหน้าที่กรมการศาสนาจบอะไรมาถึงไม่รู้วัฒนธรรมชาวพุทธ” สร้างความสับสนแก่ผู้บริหารระดับสูงด้วยนั้น

เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม นายมานัส ทารัตน์ใจ อธิบดี ศน. ได้ชี้แจงกรณีที่ถูกพาดพิงว่า หลังจากได้รับรายงานจึงตรวจสอบไม่พบมีเจ้าหน้าที่ของศน.เข้าไปในวัดดังกล่าวแต่อย่างใด และบทบาทหน้าที่ของศน.ก็ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการศึกษาพระปริยัติธรรม ทั้งแผนกธรรม แผนกบาลีและสามัญศึกษา หรือด้านการบูรณปฏิสังขรณ์วัด มีเพียงด้านศาสนพิธีเท่านั้นที่ต้องรับผิดชอบโดยตรง ซึ่งทางศน.ตระหนักถึงวัฒนธรรมที่ดีงามของชาวพุทธที่ควรปฏิบัติต่อพระสงฆ์สามเณร อย่างไรก็ตาม ทางศน.จะเร่งทำหนังสือชี้แจงถึงสำนักข่าวที่ลงข่าวคลาดเคลื่อนเพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงต่อไป

พระครูปลัดสุนทรา วรสาโร (ศน.บ., น.บ., ศษ.ม.) ผู้อำนวยการโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา วัดเสนหา พระอารามหลวง อ.เมือง จ.นครปฐม รองประธานกลุ่ม 1 ร.ร.พระปริยัติธรรมฯ กล่าวว่า ภาพที่หลุดไปตามข่าวดังกล่าว ทางวัดยังไม่ทราบว่าหลุดออกไปได้อย่างไร แต่ขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตามปรากฏในภาพไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของกรมการศาสนา แต่เป็นเจ้าหน้าที่พศจ.นครปฐม ที่เข้ามาอย่างกะทันหันโดยไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า หากทราบก่อนล่วงหน้าเช่นทุกครั้งที่ผ่านมาทางร.ร.ก็จะต้องจัดสถานที่ที่เหมาะสมให้อยู่แล้ว ซึ่งทางร.ร.ตระหนักดีถึงสิ่งใดควรสิ่งใดไม่ควร เนื่องจากร.ร.ของเราเคยได้รับประทานประกาศเกียรติคุณจากสมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ สุวฑฺฒโน) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ให้เป็นโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ตัวอย่าง และยังทรงประทานโล่เชิดชูเกียรติผู้บริหารและครูสอนจริยธรรมดีเด่น เมื่อปี 2542 ด้วย

ผอ.ร.ร.พระปริยัติธรรมวัดเสนหา กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ เคยเป็นสามเณรนักเรียนในร.ร.แห่งนี้มาก่อน พระองค์ท่านไม่เคยทอดทิ้ง ทรงอุปถัมภ์บำรุงและเป็นขวัญกำลังใจด้วยการทรงเสด็จมาเป็นองค์พระอุปัชฌาย์บรรพชาสามเณรแก่วัดเสนหาเป็นประจำทุกปี และหลังจากทรงอาพาธแม้จะไม่ได้เสด็จมาพระองค์ท่านก็ยังมอบหมายให้พระเทพสารเวที(สมณะศักดิ์ขณะนั้น) พระเลขานุการในพระองค์ เชิญเทียนพรรษาที่ทรงประทานมาให้วัดไม่เคยขาด  และสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (จวน อุฎฺฐายี) สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 16 วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร สมัยเป็นพระภิกษุก็เคยมาประทับเรียนธรรม-บาลี ณ วัดเสนหาแห่งนี้อีกด้วย ดังนั้นการปฏิบัติต่อพระภิกษุและสามเณรจึงควรกระทำด้วยกิริยามารยาทที่เหมาะสม

“อาตมาอยากให้ ผอ.พศ.ทบทวนแนวปฏิบัติของข้าราชการเสียก่อนมากกว่าที่จะมาจ้องจับผิดเรื่องเงินทอนกับวัดกับพระสงฆ์ หรือถ้าอยากมาดูโครงการก่อสร้างอาคารโรงเรียนพระปริยัติธรรมหลังใหม่ก็ให้เข้ามาดูได้ ปัจจุบันยังมีฐานรากให้เห็นตำตาว่าเป็นดำริโครงการของข้าราชการที่หวังผลเงินทอนจากงบประมาณการก่อสร้างจริงหรือไม่ เมื่อหลวงพ่ออดีตเจ้าอาวาสพระราชวินยาภรณ์ท่านไม่เออออด้วย งบประมาณส่วนนี้ก็ถูกระงับไป ทำให้ต้องถูกทิ้งรกร้าง ทางวัดสูญเสียเงินตอกเสาเข็ม สร้างฐานรากเบื้องต้นกว่า 1 ล้านบาท ดังนั้นเรื่องเงินทอนปลายเหตุจึงไม่สำคัญเท่ากับเงินแท้งของทางราชการ” รองประธานกลุ่ม 1 ร.ร.พระปริยัติธรรมฯ กล่าว