“หลวงพี่น้ำฝน” ชี้คนดี คนพัฒนา อยู่ที่ไหน ที่นั่นก็ดี

0
203

“หลวงพี่น้ำฝน” ชี้คนดี คนพัฒนา อยู่ที่ไหน ที่นั่นก็ดี

เจริญพรญาติโยมผู้อ่านทุกท่าน ถ้าให้เรานิยามว่า คนดี คืออะไร คนดีเป็นคำที่ทุกคนรู้ว่าคืออะไร แต่ถ้าให้นิยามแล้ว เชื่อเถอะว่าไม่มีใครนิยามได้ถูกหรือว่าครอบคลุมคำว่าคนดีได้อย่างหมดจด อะไรคือขอบเขตคำว่าคนดี ไม่ได้หมายความว่าคนดีไม่มีอยู่จริง แต่เพราะว่ามนุษย์เรามีความซับซ้อน จิตมนุษย์ก็มีความซับซ้อน มันเลยไม่ใช่เรื่องง่ายที่เราจะพูดว่า อย่างนี้แหละ คนดี ตามนิยาม มันต้องเป็นแบบนี้ ๆ แต่เราทุกคนก็มีมาตรฐานในใจว่า อะไรคือคนดี และถ้าถามหลาย ๆ คน เราก็จะเจอลักษณะของความเป็นคนดีร่วมกัน เป็นคนที่ทุกคนมองเห็นตรงกันว่า นี่แหละ เป็นคนดี

หนึ่งในลักษณะร่วมกันคือ เป็นผู้ที่ไปอยู่ที่ไหน ก็เป็นประโยชน์แก่ที่นั่น ไม่สร้างความเดือดร้อนแก่ที่นั่น เรียกได้ว่า ไม่ใช่คนที่รกโลก ดังสุภาษิตว่า อย่าเป็นคนรกโลก คนเรานั้นอยู่ในโลกแล้ว กินอยู่ใช้ทรัพยากรโลกเป็นอันมากตั้งแต่เกิดมา ถ้าเขาบอกว่ารกโลกนี่ควรพิจารณาตนเอง เพราะของที่รก เขามีแต่คนเอาไปทิ้ง หรือตัดให้เหี้ยนโล่งเตียนไม่มีเหลือ

แต่คนหนึ่งคนควรทำตัวเป็นดังเมฆฝน ลมจะพัดพาไปไหนก็มีแต่เป็นร่มเงาให้ผู้คนผู้ทุกข์ร้อนจากแดดกล้า ถึงเวลาก็กลั่นตัวเป็นฝนทำให้แผ่นดินชุ่มชื้น ก่อเกิดพืชพรรณเขียวชอุ่มไปทั่ว อันนี้ถือว่าเป็นคนที่มีประโยชน์ หรือเรียกว่าไม่รกโลก

คนเช่นนี้ เชื่อว่าทุกคนน่าจะถือได้ว่าเป็นคนดีคนหนึ่ง

อย่างที่หลาย ๆ คนได้ทราบกันว่า วัดไผ่ล้อม จังหวัดนครปฐม มีโครงการความร่วมมือกับเรือนจำหลายแห่ง เพื่อมุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ต้องขังในเรือนจำให้มีสวัสดิการที่สมควร มิได้ด้อยไปกว่าสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ร่วมกับการบำบัดกล่อมเกลาจิตใจด้วยธรรมะ ให้เกิดสติรู้คิด มีปัญญารู้เท่าทัน เพื่อสนองนโยบายคืนคนดีสู่สังคม เพราะการเข้าสู่เรือนจำ คือโอกาสให้ผู้ต้องขังได้ทบทวนตนเองเพื่อก้าวออกไปเป็นพลเมืองดีในสังคมต่อไป

เรือนจำอำเภอธัญบุรีก็เป็นเรือนจำอีกแห่งหนึ่งที่มีความร่วมมือกับวัดไผ่ล้อม จังหวัดนครปฐม ซึ่งขณะนี้ โยมธิตินัย พาติกบุตร ซึ่งเป็นผู้อำนวยการทัณฑสถานเปิดทุ่งเบญจา จังหวัดจันทบุรี ขณะนี้ก็พ่วงตำแหน่งรักษาราชการแทนผู้บัญชาการเรือนจำอำเภอธัญบุรีด้วย อาตมาก็คุ้นเคยกับ ผอ.ธิตินัยมาตั้งแต่อาตมาได้เข้าไปทำโครงการพัฒนาผู้ต้องขังที่ทัณฑสถานเปิดทุ่งเบญจา คือก็ต้องเล่าก่อนว่าแนวคิดทัณฑสถานเปิด ก็เหมือนเป็นที่ที่สำหรับนักโทษที่ต้องโทษครั้งแรก มีความประพฤติดี สามารถพัฒนาตนเองได้ ไม่มีลักษณะต้องห้าม ก็จะมาคุมขังที่ทัณฑสถานเปิด ก็จะไม่ได้มีลักษณะแบบเดียวกับเรือนจำปิดที่มีกำแพงสูงใหญ่ผู้คุมหน้าดุ ภายในทัณฑสถานเปิดนี้ก็จะมีกิจกรรมเพื่อส่งเสริมสร้างอาชีพให้บรรดาผู้ต้องขังได้ฝึกเพื่อนำไปใช้ประกอบสัมมาอาชีพหลังพ้นโทษ สมัยที่ ผอ.ธิตินัยเข้ามาเป็นผู้อำนวยการที่ทุ่งเบญจา เรียกได้ว่า มาถึงก็พัฒนา เป็นข้าราชการราชทัณฑ์ไฟแรง วางนโยบายว่าต้องหยิบยื่นและหาโอกาสให้กับผู้ต้องขังให้มีอาชีพมีความพร้อมติดตัวให้มากที่สุด ก่อนออกไปสู่สังคมภายนอก และที่สำคัญบุคคลเหล่านี้ต้องไม่หวนคืนกลับไปกระทำผิดซ้ำอีก อาตมาก็เริ่มเข้าไปมีส่วนในนโยบายของ ผอ.ธิตินัย โดยจะเรียกว่าเป็นฝ่ายเสริมสร้างจิตวิญญาณก็ได้ อาตมาก็มีโอกาสได้เข้าไปแสดงธรรม จัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเสริมสร้างกำลังใจแก่ผู้ต้องขัง ซึ่งก็ได้ผลตอบรับที่ดี ทุกวันนี้ทัณฑสถานเปิดทุ่งเบญจามีร้านกาแฟของตนเอง ใคร ๆ ก็เข้าไปใช้บริการได้ นอกจากกาแฟและเบเกอรี่แล้วก็ยังมีอาหารไทย และอาหารญี่ปุ่น ไทยก็ไทยพื้นบ้านเมืองจันท์เลย พ่อครัวของที่นี่ทำแกงหมูชะมวงได้ เป็นเอกลักษณ์เมืองจันท์ หากได้พ้นโทษไปก็น่าจะทำขายได้ ก็เป็นอาชีพติดตัวไป ผอ.ธิตินัยก็ทำงานนี้อย่างจริงจังโดยร่วมมือกับอาตมา เพราะใจตรงกัน ทำไปทำมาทัณฑสถานเปิดทุ่งเบญจานี้กลายเป็นมหาวิทยาลัยไปเสียแล้ว เพราะนอกจากทำอาหารได้ ยังทำสวนเป็น เมืองจันท์นี้มีดีที่ทุเรียนและผลไม้ต่าง ๆ พอออกผลก็พากันไปช่วยเจ้าของล้งคัดแยกผลไม้เตรียมจำหน่าย ก็ถือว่าพ้นโทษไป ไปทำงานล้งได้สบาย แล้วก็ยังมีเลี้ยงสัตว์ มวยไทย ร้องเพลงและดนตรี เรียกได้ว่าสร้างอาชีพทั้งสิ้น ถือเป็นความเอาจริงเอาจังของ ผอ.ธิตินัย ในการพัฒนาทัณฑสถานเปิดให้เป็นไปตามเจตนารมณ์อันแท้จริง คือ เป็นสถานที่เตรียมพร้อมกลับคืนสู่สังคม เป็นพลเมืองดีของบ้านเมือง

มาจนถึงตอนนี้ ผอ.ธิตินัย ก็ควบตำแหน่งรักษาราชการแทนผู้บัญชาการเรือนจำอำเภอธัญบุรี แน่นอนว่าภาระหน้าที่ก็น่าจะมีมากขึ้น แต่สิ่งใดที่ ผอ.ธิตินัยได้ทำไว้ที่ทุ่งเบญจา ก็จะนำมาทำที่ธัญบุรีด้วย อาตมาพร้อมพระสงฆ์จากวัดไผ่ล้อมและศิษยานุศิษย์ก็เข้าไปที่เรือนจำอำเภอธัญบุรี ไปแสดงธรรม สลับกับการเล่นดนตรี และเล่นตลก ให้เกิดความผ่อนคลาย และได้รับฟังสาระธรรมะที่จะช่วยฟื้นฟูจิตใจให้พร้อมสำหรับการออกไปสู่สังคม ให้เป็นพลเมืองดีได้

คนเช่นนี้แหละ คือ ไปไหนก็พัฒนา ไปไหนก็ทำตนเป็นประโยชน์ ทำตามหน้าที่ของตน ผลที่ออกมาก็คือดี เป็นผลดี เป็นประโยชน์ต่อที่ที่อยู่ คนเช่นนี้พึงยอมรับได้ว่าเป็นคนดี ดีในหน้าที่ของตน ดีที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น

ฉะนั้น เราทุกคนจึงควรเตือนใจไว้เสมอว่า จะอยู่ที่ไหนก็ตาม จะอยู่ในตำแหน่งแห่งที่ใด ๆ ก็ตาม ขอให้ทำประโยชน์ ทำตามหน้าที่อย่างดีที่สุด นั่นแหละ ความเป็นคนดีจะเกิดขึ้น เพราะความเป็นคนไม่ดีมันเกิดขึ้นด้วยการไม่ทำตามหน้าที่ความรับผิดชอบ แม้ไม่มียศตำแหน่งอะไรแต่หากละทิ้งหน้าที่พลเมือง สร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อื่นและสังคม ก็ไม่ใช่คนดี ขอเจริญพร

 

หลวงพี่น้ำฝน : 7 กุมภาพันธ์ 2567