รองฯ ธนะศักดิ์ เดินหน้านำร่องกุฎีจีน ชูศาสตร์พระราชา : 6 ชุมชน 3 ศาสนา 4 ความเชื่อ เสน่ห์คุณธรรมศาสนิกสัมพันธ์ที่น่าเยือนยล

0
1823

เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน พลเอก ธนะศักด์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม(รมว.วธ.) นายกฤษศญพงษ์ ศิริ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายมานัส ทารัตน์ใจ อธิบดีกรมการศาสนา และคณะผู้เกี่ยวข้องเข้าพื้นที่เยี่ยมเยียนชุมชนย่านกุฎีจีน เขตธนบุรี ชื่นชมเสน่ห์ความต่างที่ไม่แตกแยก 3 ศาสนา 4  ความเชื่อ 6 ชุมชนของพี่น้องชาวไทยเชื้อสายไทย  จีน ฝรั่ง แขก โดยมีผู้นำแต่ละศาสนาแต่ละชุมชน นำเข้าเยี่ยมชมพร้อมให้คำอธิบายเกี่ยวกับวิถีชีวิตและประวัติความเป็นมา

พระพรหมบัณฑิต (ประยูร ธมฺมจิตฺโต) เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาส กล่าวว่า งานในตำแหน่งหน้าที่นอกจากตำแน่งอธิการบดี มหาวิทยาลัยสงฆ์ และเจ้าคณะภาค 12 แล้ว ตำแหน่งเจ้าอาวาสก็เป็นหน้าที่ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง มีความท้าทายตลอดชีวิต ไม่ว่าความเสื่อมหรือความเจริญของชุมชนก็สัมพันธ์กับตัวเรา ดังนั้นการเข้ามาอยู่ในที่นี้ย่อมเห็นความเปลี่ยนแปลงในบริบทของชุมชน การปฏิบัติด้าน “บวร” นั้นว่าด้วย 6 ชุมชน 3 ศาสนา 4 ความเชื่อ

เริ่มจากชุมชนมัสยิดลางหลวง  (กุฎีขาว) ที่โดดเด่นด้านสถาปัตยกรรมไทยที่เป็นลักษณะเฉพาะ เมื่อเลียบคลองมาทางวัดกัลยาณมิตรผ่านมาถึงศาลเจ้าเกียงอันเกงเป็นสัญลักษณ์ของพุทธมหายาน ต่อมาก็เป็นชุมชนกุฎีจีนวัดซางตาครู้ส แล้วมาถึงวัดประยูรฯ ซึ่งเป็นพุทธเถรวาท รวมทั้งหมด 6 ชุมชน 3 ศาสนา 4 ความเชื่อที่เราอยู่ร่วมกันมา ท่านทั้งหลายคงทราบแล้วว่า กุฎีจีนและกุฎีขาวมีประวัติต่อเนื่องมาตั้งแต่สมัยก่อนกรุงธนบุรีจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์อย่างไร ส่วนของวัดประยุรวงศาวาส สร้างขึ้นเมื่อสมัยปีพ.ศ. 2371 ในปีหน้าจะครบ 190 ปี สร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่ 3 โดยผู้สร้างวัดคือ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยุรวงศ์ (สมเด็จพระยาองค์ใหญ่) ดังนั้นคำว่า “บวร” จึงหมายถึงบ้าน วัด ราชการหรือโรงเรียน โดยทั้ง 3 ส่วนนี้ก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ วิถีชีวิต และการไปมาหาสู่กันตลอดมา

พลเอก ธนะศักดิ์ กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีนโยบายให้หน่วยงานภาครัฐส่งเสริมองค์การศาสนา นำพลัง “บวร” บ้าน-วัด ศาสนสถาน-โรงเรียน และกลไก “ประชารัฐ” ขับเคลื่อนสู่ชุมชนคุณธรรมตามยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 และแผนแม่บทส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ฉบับที่ 1 โดยนำทุนทางวัฒนธรรมสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ ต่อยอดความเข้มแข็งจากภายในด้วยหลักศาสนา และศาสตร์พระราชา ส่งเสริมให้คนในชาติเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ที่คำนึงถึงประโยชน์ชาติมากกว่าประโยชน์ตน ทั้งนี้ ได้มอบให้กรมการศาสนา(ศน.) เข้ามาดำเนินการตามแผนแม่บทส่งเสริมคุณธรรมฯ ดังกล่าว ด้วยตระหนักว่าชุมชนคุณธรรมศาสนิกสัมพันธ์ต้นแบบแห่งนี้ มีจุดแข็งเหมาะเป็นแหล่งเรียนรู้ มีศักยภาพในการนำมรดกภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ผสมผสานได้อย่างลงตัวระหว่างตะวันออกและตะวันตก มาสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจในรูปแบบของแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่แสดงถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันโดยไม่ละทิ้งรากเหง้าดั้งเดิม

ปรากฏให้เห็นในรูปของประเพณี พิธีกรรม ศาสนสถาน วัด โบสถ์ มัสยิด และศาลเจ้า เป็นชุมชนคุณธรรมศาสนิกสัมพันธ์ที่โดดเด่นในเรื่องศาสนาที่หลากหลายแต่อยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขอย่างยั่งยืนบนฐานของความเข้าใจที่ให้เกียรติและเคารพซึ่งกันและกันระหว่างผู้นำศาสนาและศาสนิกชนตลอดระยะเวลาอันยาวนานถึง 200 กว่าปีที่ผ่านมา จึงมีคุณค่าเหมาะสมที่จะเป็นแบบอย่างแก่ชุมชนอื่นๆ จะนำไปประยุกต์ใช้ในชุมชนของตน

พลเอก ธนะศักดิ์  กล่าวต่อไปว่า การเยี่ยมชมพื้นที่กะดีจีนในครั้งนี้เป็นการมาให้กำลังใจแก่ชาวชุมชนกุฎีจีน ซึ่งเป็นชุมชนคุณธรรมศาสนิกสัมพันธ์ที่เข้มแข็ง เป็นแบบอย่างของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชนด้วยปัญญา เป็นพื้นที่เปิดสำหรับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มวัยทุกศาสนาที่จะมาท่องเที่ยวเรียนรู้ สัมผัสกับวิถีชีวิต วิถีวัฒนธรรมอันดีงามของชาวชุมชนกุฎีจีน

“หลายๆ ชุมชนในที่นี้น่าจะเป็นแห่งเดียวในโลก น่าชื่นชม 3 ศาสนากับ 4 ความเชื่อที่มีโบสถ์ มีมัสยิด มีวัดพุทธและยังมีศาลเจ้า ที่น่าประทับใจคนทั้งหมดในชุมชนไม่ว่าจะศาสนาใดสามารถมีความรักความสามัคคี มีการหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ผู้ที่เป็นคริสต์ยังสามารถอธิบายถึงศาลเจ้าได้ เมื่อมองภาพรวมแล้วชาวชุมชนสามารถดำเนินวิถีชีวิตไปได้ด้วยดี นอกจากนี้ยังมีหลายอาคารได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน จากนี้จะมอบให้กรมศิลปากรเข้ามาพัฒนาให้ดียิ่งๆ ขึ้น เพราะตรงนี้มีความเก่แก่ไม่น้อยกว่า 400 ปี นอกจากนี้ในพื้นที่ของมัสยิดกุฎีขาวก็มีการดูแลกันอย่างน่าชื่นชม ส่วนโบสถ์คริสต์ก็มีความเก่าแก่ มีสถานศึกษาสำคัญคือโรงเรียนซางตาครู้สคอนแวนท์ และโรงเรียนในสังกัดกทม.ในเขตนี้ก็มีมากถึง 300 – 400 โรงเรียน ดังนั้นจึงถือได้ว่าชุมชนแห่งนี้สามารถเป็นแบบอย่างที่ดีได้ เนื่องจากบ้านมีความสัมพันธ์กับวัด กับโรงเรียน กับศาสนสถาน หากทุกๆ ชุมชนสามารถทำได้แบบนี้จะทำให้ก้าวหน้าไปได้อย่างมั่นคง ประสบความสำเร็จ และมีความสุข” รองฯ ธนะศักดิ์ กล่าว