พระวินยาธิการวัดไผ่ล้อม เครื่องร้อน ไล่จับสึกพระไร้สังกัดขณะเร่ร่อนบิณฑบาตในโรงพยาบาลนครปฐม

0
118

พระวินยาธิการ วัดไผ่ล้อม ตามรวบตัวพระภิกษุออกบิณฑบาตในโรงพยาบาลนครปฐมพบไม่มีใบสูจิบัตรแสดงตัวตน เจ้าอาวาสแจงไม่ได้อยู่วัดมาแล้วสองปี จึงนำส่งเจ้าคณะตำบลพระปฐมเจดีย์ทำการสึก เจ้าตัวสารภาพว่าทราบข่าวการกวาดล้าง แต่ก็ก็ขอวัดดวงออกมาปฏิบัติกิจ ส่วนสาเหตุที่มาบิณฑบาตในโรงพยาบาลเนื่องจากถูกพระเจ้าถิ่นไม่ยอมให้ยืนบิณฑบาตอบองค์พระปฐมเจดีย์ โดยมีวลีเด็ด วัดไม่ใช่เซฟโซนของอาตมา จึงจำเป็นต้องเวิร์คฟอร์มโฮมก่อนมาถูกจับกุมในวันนี้

วันที่ 27 ก.พ. 67 พระครูสังฆรักษ์พงษ์ดนัย พระวินยาธิการ วัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม ได้รับแจ้งจากประชาชนว่ามีพระภิกษุต้องสงสัยว่าไม่ใช่พระแท้ได้มาบิณฑบาตและเรี่ยรายเงินอยู่ภายในโรงพยาบาลนครปฐม มีพฤติกรรมยืนอยู่ตามอาคารต่างๆ ซึ่งไม่ใช่เป็นสถานที่สำหรับเดินบิณฑบาต จึงได้เข้าตรวจสอบหลังจากได้มีญาติโยมควบคุมตัวเอาไว้เพื่อรอให้มีการตรวจสอบ

โดยเมื่อพระวินยาธิการไปถึงจึงพบพระภิกษุ อายุประมาณ 50 ปี อยู่ภายในโรงพยาบาลนครปฐม ตรงตามที่มีประชาชนแจ้งเข้ามาจึงได้นิมนต์มาตรวจสอบเอกสารหลักฐานที่วัดไผ่ล้อม พบว่าไม่มีบัตรประจำตัวพระภิกษุสงฆ์ แต่พบเอกสารในการบวชที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดสุพรรณบุรี พร้อมบัตรประชาชนชื่อนายสำรวย (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี ชาวอำเภอกำแพงแสนจังหวัดนครปฐม เมื่อได้โทรศัพท์ไปตรวจสอบกับเจ้าอาวาสต้นสังกัดทราบว่าพระรูปดังกล่าวไม่ได้อยู่ที่วัดนานแล้วและไม่สามารถติดต่อได้จึงขอให้พระวินยาธิการ ช่วยดำเนินการจับสึก ตามหลักการปกครองของคณะสงฆ์ด้วย

จากนั้น พระครูสังฆรักษ์พงษ์ดนัย ได้นำตัวนายสำรวย (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี ไปลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจภูธรเมืองนครปฐม โดย พ.ต.ต.อภิชัช อาระหัง สวป. สภ.เมืองนครปฐม ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจมาเป็นพยานในการลงบันทึกประจำวันและนำตัวส่งเจ้าคณะตำบลพระปฐมเจดีย์ วัดห้วยจระเข้ เพื่อดำเนินการเก็บข้อมูลตรวจสอบหลักฐานตามขั้นตอนของคณะสงฆ์ พร้อมกับให้ลาสิกขา เนื่องจากผิดระเบียบในการออกมาบิณฑบาตเพราะเป็นพระใหม่ที่บวชเพียงสองปี และไม่อยู่จำวัดแต่ออกมาอาศัยอยู่บ้านเรือนของตัวเองและออกกิจนิมนต์โดยไม่ได้แจ้งให้ต้นสังกัดทราบ

นายสำรวย บอกว่าตนเองได้บวชมาประมาณสองปีที่จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งก่อนหน้าก็ได้ทำหน้าที่ดูแลบิดามารดาที่บ้านพักในอำเภอกำแพงแสนจังหวัดนครปฐม โดยยึดอาชีพขายหมูปิ้งที่บ้าน แต่เมื่อเกิดวิกฤตการณ์แพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ทำให้ไม่สามารถขายของได้และยังมาเจอช่วงวิกฤตที่เนื้อหมูมีราคาแพง จึงต้องหยุดทำการขาย จากนั้นได้ไปสมัครเป็นยามแต่ก็ทำงานได้ไม่นานก็ถูกให้ออกจากงาน จึงได้ตัดสินใจไปบวชหมู่ที่จังหวัดสุพรรณ แต่พบว่าพระที่บวชด้วยกันชอบรังแกตนเองจึงไม่อยากอยู่วัดและได้กลับมาบ้านพักเพื่อมาดูแลบิดา จากนั้นได้ไปปริวาสตามที่ต่างๆ โดยได้เดินบิณฑบาตรอบองค์พระปฐมเจดีย์ แต่ก็ถูกพระเจ้าถิ่นขับไล่ไม่ให้ไปบิณฑบาตบริเวณดังกล่าว จึงได้ตัดสินใจมาเดินบิณฑบาตและรับบริจาคเงินภายในโรงพยาบาลนครปฐม โดยรายใด้ถวายเงิน 100 บาทก็จะมอบแหวนเงินหัวเพชร(ของปลอม) ให้เป็นที่ระลึก

“อาตมายอมลาสิกขาเพราะรู้ว่าผิด ได้เคยติดตามข่าวว่าหลวงพี่น้ำฝนวัดไผ่ล้อม ได้จับพระปลอมบวชซึ่งก็รู้อยู่ว่าตนเองทำผิดและคิดว่าสักวันจะต้องโดนจับแต่ไม่คิดว่าจะรวดเร็วแบบนี้ ซึ่งก็ได้วัดดวงออกมาบิณฑบาตบ่อยครั้ง โดยการออกจากบ้านพักที่อำเภอกำแพงแสน มาบิณฑบาตที่โรงพยาบาลนครปฐม  จากนี้ยังไม่รู้จะกลับมาบวชอีกหรือไม่เนื่องจากต้องไปหางานทำก่อน แต่ที่ตนเองอยากจะบอกไว้คือ วัดไม่ใช่เซฟโซนของอาตมา เพราะมีแต่พระที่ชอบรังแก ตบหัวบ้างด่าทอบ้าง จึงได้กลับมาอยู่บ้านอาศัยบ้านเป็นที่พัก จากนี้ขอคิดอีกครั้งว่าจะกลับมาบวชหรือไม่ แต่วันนี้มันจบแล้วก็ต้องยอมสึกตามที่คณะสงฆ์ว่ามา” นายสำรวย กล่าวปิดท้าย

หลังจากได้ทำการลาสิกขาแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองนครปฐมได้นำตัวนายสำรวยไปเปลี่ยนชุดจากจีวรพระเป็นชุดสีขาว นำไปส่งยังสถานีขนส่งเพื่อนั่งรถกลับบ้านที่อำเภอกำแพงแสนพร้อมให้ค่ารถกลับบ้านติดตัวไปอีก 200 บาท โดยขอให้สัญญาว่าจะไม่กลับมาปฏิบัติตนเช่นนี้อีก ไม่เช่นนั้นจะมีการดำเนินคดีในข้อหาแต่งกายเลียนแบบสงฆ์ต่อไป

ทั้งนี้ ในจังหวัดนครปฐมได้มีการแต่งตั้งและแจกบัตรประจำตัวให้กับพระวินยาธิการ (ตำรวจพระ) ในจังหวัด นครปฐม จำนวน 76 รูป ในพื้นที่เจ็ดอำเภอ ซึ่งจะมีการปฏิบัติการจู่โจมตรวจสอบพระภิกษุสงฆ์ที่ประพฤติตนไม่เหมาะสมและพระปลอมบวชที่แอบอ้างหากินในผ้าเหลือง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายและดำเนินการตามมติคำสั่งของคณะสงฆ์ต่อไป ขณะที่ประชาชนหลายคนบอกว่าขณะนี้เกิดความสับสน เนื่องจากไม่สามารถตรวจสอบหรือรู้ได้ว่าพระภิกษุที่ได้ใส่บาตรให้หรือทำบุญเป็นพระจริงหรือไม่ จึงอยากให้ออกมาช่วยกวดขันในเรื่องดังกล่าวอย่างจริงจังเพื่อความสบายใจของพุทธศาสนิกชน

*****************************************************************