ปกครองสงฆ์นครปฐมปฏิบัติการเข้ม จับสึกพระนอกรีตไม่มีหลักแหล่ง 2 ราย

0
85

เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม อ.เมือง จ.นครปฐม พร้อมพระเลขา ได้ประสานเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด(พศจ.)นครปฐม ลงพื้นที่ตรวจสอบที่บ้านพักแห่งหนึ่งย่านถนนกั๋งบ๊วย ในตัวเมืองนครปฐม หลังจากมีประชาชนร้องเรียนว่ามีพระสงฆ์ปฏิบัติตัวไม่เหมาะสมโดยไม่กลับวัดต้นสังกัดและพักอาศัยอยู่ที่บ้านพักดังกล่าวมาเป็นแรมปี ซ้ำยังมีการขับรถกระบะไปจอดเพื่อบิณฑบาตแล้วขับกลับมาจอดทิ้งไว้ที่สวนธารณะใกล้บ้าน เกือบทุกวัน ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมดังกล่าวสร้างความไม่สบายใจกับพุทธศาสนิกชนที่พบเห็นอยู่เป็นประจำ

เมื่อหลวงพี่น้ำฝนและเจ้าหน้าที่ไปถึงที่บ้านหลังดังกล่าว ได้พบกับพระภิกษุตามที่ได้รับรายงานและนิมนต์มาสอบถามหาหนังสือประจำตัว จึงพบว่ามีความผิดปกติ และมีอาการไม่พอใจแสดงความขัดขืนเพื่อจะขอหนังสือเอกสารประจำตัวกลับคืน โดยมีชาวบ้านหลายคนที่ทราบเรื่องได้ออกมาดูเหตุการณ์ จึงได้เชิญไปทำการสอบสวนที่วัดไผ่ล้อมพรน้อมกับประสานไปยังเจ้าอาวาสวัดต้นสังกัดที่จังหวัดกาญจนบุรี แต่ไม่พบหลักฐาน จึงได้ประสานนำส่งไปให้เจ้าคณะตำบลพระปฐมเจดีย์ สอบสวนอีกชั้นหนึ่ง

เมื่อเชิญไปพบกับพระครูทักษิณานุกิจ เจ้าคณะตำบลพระปฐมเจดีย์ เพื่อทำการสอบสวนและพยายามติดต่อกลับไปที่วัดต้นสังกัดอีกครั้ง กระทั่งได้คุยโทรศัพท์กับเจ้าอาวาส ได้แจ้งว่าเป็นพระในวัดจริงแต่ไม่ได้พักอาศัยอยู่ที่วัดดังกล่าวแล้ว ซึ่งขัดแย้งกับหนังสือเอกสารที่มีอยู่ในมือ เมื่อสอบสวนจึงพบว่าเป็นการดำเนินการเขียนเองและประทับตราเองโดยไม่มีเจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอลงนาม จึงได้สั่งการให้ทำการสึกทันที

ขณะที่อีกรายมีประชาชน ได้แจ้งมาว่าพบพระภิกษุ ไม่กลับวัดและมีการปักกลดอยู่ใกล้กับโรมแรมชื่อดังริมถนนเพชรเกษม นานประมาณ 3 เดือนแล้ว จึงได้เข้าไปตรวจสอบและพบพระภิกษุวัย 60 ปี ตามที่ร้องเรียนคือจะอาศัยปักกลดอยู่ริมถนนเพชรเกษม เพื่อไปบิณฑบาตและรับปัจจัยจากญาติโยม โดยมีต้นสังกัดอยู่จังหวัดสุพรรณบุรี จากนั้นได้นิมนต์ไปให้ เจ้าคณะตำบลพระปฐมเจดีย์ ดำเนินการจับสึกอีก 1 ราย

พระครูทักษิณานุกิจ เจ้าคณะตำบลพระปฐมเจดีย์ กล่าวว่า สำหรับกรณีพระที่ถูกจับสึกไปในวันนี้เนื่องจากมีประชาชนร้องเรียนให้มีการตรวจสอบว่ามีพระภิกษุสงฆ์ ออกบิณฑบาตและมาพักบ้านโยมนานนับปีโดยมีหลวงพี่น้ำฝน ได้ทำหน้าที่พระวินยาธิการ นำมาให้ตรวจสอบก็พบว่าเป็นเรื่องจริงตามที่ได้รับร้องเรียนมา ตรวจสอบใบสุทธิก็พบว่ามีการปลอมแปลงใบสุทธิ มีการอาศัยอยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง ตามกฎของมหาเถรสมาคม(มส.) ก็สามารถจับสึกได้เลย ซึ่งหากมีการร้องเรียนเข้ามาอีกก็จะมีการดำเนินการขั้นเด็ดขาดตามกฎของมหาเถรสมาคมซึ่งมีกฎระเบียบอยู่แล้ว หากเคยมีการตักเตือนแล้วและยังฝ่าฝืนประพฤติเช่นเดิมอีกก็สามารถจับสึกได้อีกเช่นกัน โดยคณะสงฆ์ก็ต้องมีการเข้มงวดกวดขันโดยเฉพาะเจ้าคณะผู้ปกครองที่ต้องเคร่งครัด และขอฝากถึงพระภิกษุสงฆ์ที่คิดจะเข้ามาบิณฑบาตหรือมาพักอาศัยในจังหวัดนครปฐม ให้พึงสังวรว่าอาจจะถูกจับสึกได้ ต้องปฏิบัติไปตามพระธรรมวินัย ซึ่งต้องอาศัยญาติโยมประชาชนก็ต้องช่วยคณะสงฆ์ในการเป็นหูเป็นตาเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมด้วย

พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) กล่าวว่า ในฐานะประธานคณะทำงานดำเดินการแก้ไขข้อขัดข้อง ระงับเหตุ และแก้ไขปัญหาอธิกรณ์ข้อร้องเรียนในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค 14 เรื่องพฤติกรรมของพระที่อาศัยบ้านโยมอยู่ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนมาสักพักหนึ่งแล้ว ซึ่งได้ให้ลูกศิษย์และทีมงานเข้าตรวจสอบอยู่ตลอดแต่ด้วยมีภารกิจเยอะก็ยังไม่ได้เข้ามาดูด้วยตนเอง กระทั่งวันนี้มีคนร้องเรียนเข้ามาอีกจึงได้ลงพื้นที่ติดตามไปจนถึงบ้านพักแล้วก็พบตัวตามที่มีการร้องเรียนมา จากการตรวจสอบหนังสือสุทธิก็พบว่าเป็นการปลอมแปลงขึ้นมา เมื่อสอบถามไปยังเจ้าอาวาสต้นสังกัดแจ้งว่าไม่ได้อยู่แล้ว แต่มีการลงนามว่าอาศัยอยู่ที่สำนักสงฆ์ ซึ่งตามหลักก็ผิดอยู่แล้วเพราะพระภิกษุสงฆ์จะต้องมีวัดต้นสังกัดและอยู่ที่วัดในการทำวัตรด้วย ดังนั้นได้ดำเนินการตามขั้นตอนในการส่งตัวไปให้เจ้าคณะตำบลพระปฐมเจดีย์ทำการสอบสวนซึ่งท่านได้แจ้งกลับมาว่าพบความผิดจริงตามที่มีการร้องเรียน ทางเจ้าอาวาสต้นสังกัดก็ได้แจ้งว่าสามารถให้ลาสิกขาไปได้เลย ซึ่งในทั้งสองกรณีที่มีการจับสึก เป็นการทำงานที่บูรณาการร่วมกันของคณะสงฆ์ ภาค 14 มีเจ้าคณะจังหวัดเป็นประธานและมีเจ้าคณะอำเภอทุกอำเภอเป็นรองประธาน รวมถึงคณะสงฆ์ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระวินยาธิการก็จะสามารถดำเนินการเต็มรูปแบบ

“ในฐานะประธานคณะทำงานดำเดินการแก้ไขข้อขัดข้อง ระงับเหตุ และแก้ไขปัญหาอธิกรณ์ข้อร้องเรียนในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค 14 ขอยืนยันว่าจะมีการทำงานร่วมกันไม่ใช่แค่ในพื้นที่รับผิดชอบภาค 14 เท่านั้น แต่รวมถึงจะบูรณาการร่วมกันทั่วประเทศเพื่อตรวจสอบและควบคุมไม่ให้เกิดพฤติกรรมไม่เหมาะสม ซึ่งหากถึงมืออาตมาก็จะมีการดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายและกฎมหาเถรสมาคมอย่างตรงไปตรงมาแน่นอน” หลวงพี่น้ำฝนกล่าวปิดท้าย