เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) กล่าวว่า การที่ทางเจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ปปป.) โอนคดีเงินอุดหนุนวัดมายังพศ. ให้ดำเนินการต่อนั้น ไม่ได้หมายความว่าทางปปป. ปฏิเสธงาน เพียงแต่ปปป.จะหยุดไว้เพียงเท่านี้ก่อน ส่วนที่เหลือให้ทางพศ.ดำเนินการต่อ ซึ่งทางพศ.ก็ได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 2 ชุด คือ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องงบฯบูรณปฏิสังขรณ์วัด และคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงงบฯอุดหนุนวัด ซึ่งคณะกรรมการทั้งสองชุดได้เริ่มดำเนินการแล้ว โดยในส่วนของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงงบฯบูรณปฏิสังขรณ์วัดนั้น จะเน้นไปที่ 12 วัดตามสำนวนของปปป. ก่อน โดยกำหนดเวลาให้ตรวจสอบแล้วเสร็จใน 60 วัน นับตั้งแต่วันที่เริ่มดำเนินการ ส่วนกรณีที่มีข่าวเสนอออกไปว่าตนเป็นผู้เสนอให้ย้ายน.ส.ประนอม คงพิกุล รองผอ.พศ. ไปสังกัดสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน(กพ.) นั้น เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ตนไม่ได้เป็นผู้เสนอให้โยกย้าย เพราะการโยกย้ายดังกล่าวเป็นอำนาจนายกรัฐมนตรีในการพิจารณา
ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่า ตลอดช่วงบ่ายของวันที่ 13 ก.ค. ได้มีเจ้าหน้าที่ ปปป. ประมาณ 20 นาย เข้าไปประชุมหารือกันที่ห้องประชุมชั้น 3 อาคารสำนักงานพศ. หลังใหม่ พุทธมณฑล จ.นครปฐม จากนั้นได้กระจายกำลังเข้าขอข้อมูลตามกองต่างๆ ของพศ. โดยทางเจ้าหน้าที่ปปป. แจ้งว่าได้รับการอนุญาตจากพ.ต.ท.พงศ์พรแล้ว แต่ไม่ยอมเปิดเผยว่ามาขอตรวจสอบข้อมูลในส่วนใดบ้าง
ซึ่งในเรื่องดังกล่าว พ.ต.ท.พงศ์พร กล่าวว่า มีเจ้าหน้าที่ ปปป. เข้ามาสอบสวน หาข้อมูล และหาหลักฐาน ที่สำนักงานพศ. จริง แต่จะเป็นในส่วนของคดีที่ยังค้างอยู่ ซึ่งจะเป็นส่วนของ12 วัด หรือ 27 วัดล่าสุดหรือไม่นั้น ทางพศ.ไม่สามารถตอบได้ เพราะไม่ขอก้าวล่วงหน้าที่ของปปป. ตอบได้เพียงว่าทางปปป. มาดูหลายเรื่อง
