ส่อเค้าบานปลาย ทนายพจน์ เข้ากราบหลวงพี่น้ำฝนขอข้อมูลกรณีจับพระหลวงตาเวิร์คฟอร์มโฮม จึงทราบข้อมูลเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม ไม่ยอมทำหน้าที่แจ้งความกล่าวโทษเอาความผิดตามกฎหมาย มีเพียงลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน จึงเดินหน้าแจ้งความเองในฐานะประชาชน ย้ำจากนี้ถ้าสำนักพุทธไม่แก้ปัญหาจริงจังจะมีการพิจารณาแจ้งความเอาผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐด้วย
เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศุภภัทร์พจน์ นิติศศธร ทนายความ นายกสมาคมไวยาวัจกรแห่งประเทศไทย ได้เดินทางเข้าพบพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม เพื่อสอบถามข้อมูลกรณีกรณีจับกุมชายแต่งกายเลียนแบบสงฆ์ หรือหลวงตาเวิร์คฟอร์มโฮม หลังจากทราบว่าเจ้าหน้าที่จากสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม ไม่ได้มีการดำเนินการในการแจ้งความเอาความผิดทางกฎหมายกรณีแต่งกายเลียนแบบสงฆ์และปลอมแปลงแก้ไขเอกสารใบสุทธิ โดยอ้างว่าเป็นเพียงเจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ ซึ่งคณะสงฆ์ได้มีการมอบมอบหมายให้ดำเนินการเป็นตัวแทนคณะสงฆ์ไปแล้วนั้น
โดยหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ได้ให้ข้อมูลถึงการจับกุมและดำเนินการในฐานะ พระวินยาธิการ หรือตำรวจพระ ในสังกัดคณะสงฆ์ภาค 14 ซึ่งได้ปรากฏเป็นข่าวบนหน้าสื่อ หลังจากมีประชาชนร้องเรียนว่ามีพระสงฆ์รูปหนึ่งได้ออกบิณฑบาตโดยพักอาศัยอยู่บ้านเรือนนานเป็นแรมปี จึงได้มีการจับกุมและทำการสึกไปแล้วเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จากนั้นเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ได้ติดตามพบตัวว่ามีการสวมจีวรออกบิณฑบาตอยู่ในพื้นที่ตัวเมืองนครปฐมอีกจึงได้ทำการจับกุมตัวและได้นิมนต์ให้เจ้าคณะตำบลพระปฐมเจดีย์ เจ้าคณะอำเภอเมืองนครปฐม เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ. เมืองนครปฐม และตัวแทนเจ้าหน้าที่จากสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม (พศจ.นครปฐม) ซึ่งได้ระบุว่าหลวงตาเวิร์คฟอร์มโฮมไม่ได้เป็นพระแล้วและมีการแต่งกายเลียนแบบสงฆ์ รวมถึงตรวจสอบหนังสือสุทธิแล้วมีการปลอมแปลงเพิ่มเติมซึ่งผิดจากเอกสารเดิมที่ออกโดยหน่วยงานอย่างถูกต้อง ซึ่งคณะสงฆ์ทั้งหมดได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐมเป็นตัวแทนเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษเอาความผิดในสองข้อหาเมื่อวานนี้ จนเป็นข่าวที่ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
หลังจากหารือแล้ว นายศุภภัทร์พจน์ นิติศศธร นายกสมาคมไวยาวัจกรแห่งประเทศไทย ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครปฐม เจ้าของคดีเพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษในข้อหาแต่งกายเลียนแบบสงฆ์และปลอมแปลงต่อเติมเอกสารราชการ และได้กล่าวว่า วันนี้ตนเองได้ทราบจากข่าวที่ปรากฏขึ้นหลายวันสำหรับกรณีของหลวงตาเวิร์คฟอร์มโฮม ซึ่งทราบแล้วว่าเป็นการกระทำความผิดต่อเนื่องยาวนานและที่สำคัญมีหลายจังหวัดและยังอีกมากที่ยังมีการปฏิบัติเช่นนี้ โดยในจังหวัดหนึ่งมีการอยู่กันเป็นชุมชนโดยการใช้ชีวิตปกติ แต่ช่วงเช้าจะมีการสวมจีวรออกบิณฑบาต เรี่ยไรเงินตามสถานที่ทั่วไปหลังเสร็จกิจก็จะกลับมาสวมชุดฆราวาสปกติและใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไป ซึ่งเป็นปัญหาที่เรื้อรังมานานและไม่สามารถแก้ปัญหาได้ เพราะจับแล้วก็มีการปล่อยตัวออกมาเนื่องจากเจ้าหน้าที่รัฐที่มีหน้าที่รับผิดชอบไม่ได้เอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ เป็นผลเสียต่อพระพุทธศาสนา
นายศุภภัทร์พจน์ กล่าวด้วยว่า วันนี้ผมได้เข้ามาตรวจตรวจสอบข้อมูลแล้วพบว่าเจ้าหน้าที่จากสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม (พศจ.นครปฐม) ไม่ได้มีการดำเนินการอย่างจริงจังมีเพียงการไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเท่านั้น จึงไม่สามารถที่จะดำเนินการในการเอาผิดกับหลวงตาเวิร์คฟอร์มโฮมตามกฎหมายได้ เพราะเท่าที่ดูจากข้อมูลในการติดตามทราบว่าเคสนี้เคยมีการจับกุมมาแล้วเมื่อหลายปีก่อนแต่ก็ยังมีการออกมาเดินบิณฑบาตซ้ำอีก ถามว่ากรณีแบบนี้สำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐมปล่อยปละละเลยได้อย่างไร จะอ้างว่าธุระไม่ใช่ก็ไม่ได้ เมื่อเป็นแบบนี้ผมเห็นแล้วในฐานะประชาชนจึงจำเป็นต้องออกมาทำหน้าที่ ถึงจะไม่ได้รับมอบหมายแต่ก็ทำในฐานะประชาชน จึงต้องออกมาดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษด้วยตัวเอง เพราะหากไม่ทำก็จะเกิดความเสียหายเป็นวงกว้างและแก้ไขปัญหานี้ไม่ได้
“ในมุมของผมมองเห็นว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาประจำจังหวัดทั่วประเทศ รวมถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) ควรต้องเป็นแม่งานในการออกทำงานแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพราะเป็นอำนาจหน้าที่โดยตรง หากปล่อยเอาไว้ปัญหาซ้ำๆ เดิมๆ เหล่านี้ก็จะเกิดขึ้นต่อไปไม่จบ และต่อจากนี้ไปหากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกและสำนักงานพระพุทธศาสนาหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ดำเนินการอาจจะต้องมีการพิจารณาในการแจ้งความเอาผิดกับเจ้าหน้าที่หน่วยงานนี้ด้วย เพื่อที่จะให้มีการขับเคลื่อนอย่างจริงจังซึ่งกรณีนี้จะเป็นกรณีแรกที่จะมีการดำเนินการอย่างจริงจังโดยประชาชน” นายศุภภัทร์พจน์ กล่าวปิดท้าย
*****************************************************************
