กองปราบฯตามรวบสมุน “อาจารย์คม” อดีตพระและคนขับรถวัด 6 ราย ช่วยขนย้ายทรัพย์สินหนี ตามยึดทรัพย์ได้เพิ่มอีก มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท

0
303

วันที่ 9 พ.ค.66 กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.)  พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ รอง.ผบก.ป. พ.ต.อ.วิวัฒน์  จิตรโสภากุล ผกก.3.บก.ป. ร่วมแถลงข่าว ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., สั่งการให้ชุดสืบสวนกองปราบปราม พ.ต.ท.ภาณุมาศ แสงส่ง รอง ผกก.3 บก.ป., พ.ต.ท.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ รอง ผกก.3 บก.ป. และ พ.ต.ท.สิทธิพร มีอาษา รอง ผกก.3 บก.ป. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัด กก.3 บก.ป. ร่วมกันจับกุม

1.) นายบุญส่ง หรืออดีตพระบุญส่งฯ ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ

ที่ 67/2566 ลง 9 พ.ค. 66

2) นายบุญเหลือ หรืออดีตพระบุญเหลือฯ ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ

ที่ 68/2566 ลง 9 พ.ค. 66

3) นายธนกฤษ หรืออดีตพระธนกฤษฯ ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ

ที่ 69/2566 ลง 9 พ.ค. 66

4) นายบัณฑิต หรืออดีตพระบัณฑิตฯ ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ

ที่ 70/2566 ลง 9 พ.ค. 66

5) นายณัฐพัชร์ หรืออดีตพระณัฐพัชร์ฯ ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ

ที่ 71/2566 ลง 9 พ.ค. 66

6) นายบุญศักดิ์ฯ คนขับรถตู้ ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ ที่ 72/2566 ลง 9 พ.ค. 66

โดยกล่าวหาว่า “เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือของผู้อื่นโดยทุจริต, เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และร่วมกันรับของโจร” พร้อมของกลางตรวจยึดในคดี

  1. เงินสด รวม 76,021,813 บาท
  2. ทองคำรูปพรรณ 920 รายการ นำหนักประมาณ 100 บาท มูลค่าประมาณ 2.8 ล้านบาท

ทองคำแท่ง 46 รายการ น้ำหนักประมาณ 500 บาท มูลค่าประมาณ 16 ล้านบาท

ทองคำแผ่น 540 รายการ น้ำหนักประมาณ 100 บาท มูลค่าประมาณ 3.2 ล้านบาท

รวมมูลค่าประมาณ 22 ล้านบาท

3 สมุดบัญชี จำนวน 30 เล่ม

4 หนังสือเดินทาง จำนวน 3 เล่ม

5 รถยนต์ตู้จำนวน 1 คัน

6 โทรศัพท์มือถือ จำนวน 11 เครื่อง

ทั้งนี้สืบเนื่องจากกรณีเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2566 ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปราม ได้จับกุม นายคม หรือพระอาจารย์คม อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าธรรมคีรีพร้อมกับพวก ที่ได้ก่อเหตุยักยอกเงินบริจาควัดป่าฯ มูลค่ากว่า 180 ล้านบาท เป็นเหตุสะเทือนวงการสงฆ์เป็นอย่างมาก ท่ามกลางความเลื่อมใสและความศรัทธาของญาติโยมผู้มีจิตศรัทธาที่ร่วมทำบุญกับวัดมาโดยตลอด

ภายหลังการจับกุม กองบังคับการปราบปรามได้ทำการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม จนทราบข้อมูลสำคัญจากนายวุฒิมาฯ หนึ่งในผู้ต้องหาคดียักยอกเงินวัด ให้การว่า ตนได้นำเงินของวัดจำนวน 9 ล้านบาท ไปซื้อทองคำตามคำสั่งนายคมฯมาเก็บรักษาไว้ในตู้เซฟภายในกุฏิของนายวุฒิมาฯ ต่อมาเมื่อวันที่ 7 พ.ค.66 เวลาประมาณ 09.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมด้วยคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินวัดป่าธรรมคีรี และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันเข้าตรวจสอบภายในกุฏิของนายวุฒิมาฯ พบว่าทองคำตามที่นายวุฒิมาฯ ให้การไว้ข้างต้นได้หายไป จนกระทั่งทราบว่า มีขบวนการช่วยเหลืออดีตพระอาจารย์คม เป็นพระสงฆ์ จำนวน 5 รูป และนายบุญศักดิ์ฯ ( คนขับรถตู้ของวัด ) ช่วยกันขนย้ายทองคำแท่งและทรัพย์สินต่างๆ ขนใส่รถตู้ก่อนจะนำทรัพย์สินไปซุกซ่อนที่ภายนอกวัด เมื่อทราบข้อมูลดังกล่าวทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางแผนให้กลุ่มผู้ช่วยเหลืออดีตพระอาจารย์คม นำเอาทองคำ และทรัพย์สินกลับเข้ามาในวัดอีกครั้ง ก่อนจะทำการตรวจยึดทรัพย์สินต่างๆ ไว้เป็นของกลาง รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึด คิดเป็นมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท

จากการสืบสวนทราบว่า ก่อนที่นายคมฯ นายวุฒิมาฯ และน้องสาวนายคมฯ จะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุม ปรากฏว่านายคมฯ และนายวุฒิมาฯ ได้สั่งการให้ขบวนการนี้ขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากกุฏิของตนให้หมด ไปซุกซ่อนไว้ตามสถานที่ต่างๆ ภายในวัด

ต่อมาหลังจากที่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุม และถูกควบคุมอยู่ นายคมฯ ได้ออกอุบายขอยืมโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ตำรวจอ้างว่าขอติดต่อญาติ ให้นำยารักษาโรคประจำตัวของของสาวมาให้ แต่นายคมฯ ได้แอบใช้โทรศัพท์มาสั่งการให้กลุ่มขบวนการนี้ช่วยกันทำการขนย้ายเงินสด และทองคำ ให้ขนย้ายออกไปข้างนอกวัดให้หมด ซึ่งมีทรัพย์สินบางส่วนที่ไม่สามารถขนย้ายได้ทันจึงได้นำไปขุดฝังเอาไว้ที่ภูเขาด้านหลังวัด

จากข้อมูลข้างต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขอศาลออกหมายจับ เข้าทำการจับกุมผู้ต้องหา ที่ 1-6 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

*****************************************************************