กรมการศาสนา เตรียมจัดค่ายเยาวชนสมานฉันท์ 5 ศาสนา เน้นแลกเปลี่ยนเรียนรู้หลักศาสนา หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง การอยู่ร่วมกันในสังคมไทย

0
1684

สำนักข่าว Thai R News นายมานัส ทารัตน์ใจ อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวว่า กรมการศาสนา(ศน.) กระทรวงวัฒนธรรม(วธ.) เตรียมจัดโครงการค่ายเยาวชนสมานฉันท์ ประจำปี ๒๕๖๐ ระหว่างวันที่ ๓ – ๕ เมษายน ๒๕๖๐ ณ สำนักงานบริหารทรัพย์สินและกีฬา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์พัทยา อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เพื่อขับเคลื่อนโครงการ/กิจกรรมที่สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล โดยการนำของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ให้ความสำคัญกับงานด้านศาสนา เพื่อเสริมสร้างและปลูกฝังให้เด็ก เยาวชนมีศีลธรรม มีจิตสำนึกที่ดีงามตามแบบอย่างวัฒนธรรมไทย น้อมนำหลักธรรมและหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต นอกจากนี้ ยังสอดคล้องกับแผนการอุปถัมภ์คุ้มครองศาสนาต่าง ๆ ภายใต้คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔๙/๒๕๕๙ ในการส่งเสริมความเข้าใจอันดีและความร่วมมือระหว่างศาสนา ทำให้เกิดพลังขับเคลื่อนงานด้านศาสนาและนำพาประเทศไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน

อธิบดี ศน. กล่าวต่อว่า การจัดค่ายเยาวชนสมานฉันท์ในครั้งนี้ ศน.จะนำเยาวชน ๕ ศาสนา จำนวน ๑๕๐ คน มาทำกิจกรรมร่วมกัน โดยให้เยาวชนได้ทัศนศึกษาศาสนสถานของแต่ละศาสนาในจังหวัดชลบุรี โดยแบ่งเป็น 5 สถานี ได้แก่ สถานีที่ ๑ เยี่ยมชมสถานที่และเรียนรู้หลักปฏิบัติทางพระพุทธศาสนา ณ วัดชัยมงคล สถานีที่ ๒ เยี่ยมชมสถานที่และเรียนรู้หลักปฏิบัติทางศาสนาซิกข์ ณ วัดซิกข์ สถานีที่ ๓ เยี่ยมชมสถานที่และเรียนรู้หลักปฏิบัติทางศาสนาอิสลาม ณ มัสยิดดารุ้ลอิบาดะห์ สถานีที่ ๔ เยี่ยมชมโบสถ์พระมหาไถ่ (UNSEEN THAILAND) และศึกษาดูงานโครงการของมูลนิธิคุณพ่อเรย์ ศูนย์จัดหางานคนพิการ และศูนย์พัฒนาการเด็กพิเศษ ณ ศูนย์คณะพระมหาไถ่ และสถานีที่ ๕ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ซึ่งเป็นวิธีการที่จะทำให้เยาวชนที่นับถือศาสนาต่างกันได้มีโอกาสมาเรียนรู้หลักปฏิบัติทางศาสนา วิถีชีวิต และวัฒนธรรม มีโอกาสรู้จักเพื่อนใหม่ที่ต่างศาสนาได้มาร่วมกันรับรู้เรื่องต่าง ๆ ของแต่ละศาสนา ทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน อันจะเป็นการเสริมสร้างความรัก ความผูกพัน ความสามัคคีในหมู่เยาวชน

“ในขณะเดียวกันโครงการนี้ได้ให้ความสำคัญกับเยาวชนของชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทยเป็นประเทศเดียวที่มีศาสนารวมกันอยู่ ๕ ศาสนา การเคารพให้เกียรติซึ่งกันและกันในการนับถือศาสนา จึงเป็นสิ่งสำคัญในการอยู่ร่วมกันอย่างสมานฉันท์ ให้เยาวชนได้ศึกษา เรียนรู้หลักธรรมทางศาสนาแต่ละศาสนาและยอมรับในความแตกต่างหลากหลายทางด้านเชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรม ก่อให้เกิดความสมานฉันท์ของคนในชาติ สามารถนำหลักธรรมทางศาสนามาพัฒนาตนให้เป็นคนดี มีคุณธรรมจริยธรรม เสียสละเพื่อส่วนรวมและร่วมกันพัฒนาประเทศ รวมทั้งได้ปฏิบัติตามแนวพระราชดำรัสและดำเนินชีวิตอยู่บนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงต่อไป