เมตตาธรรม “หลวงพี่น้ำฝน” ผุดคลินิกผู้ป่วยนอก ศูนย์วัดไผ่ล้อม ผู้ตรวจสธ.ปลื้ม ชูโมเดลวัดต้นแบบแห่งแรกของประเทศ ช่วยแบ่งเบาภาระรพ.วันละกว่า 300 คน

0
357

เมื่อเวลา 9.00 น. วันที่ 13 กรกฎาคม 2566 พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม อ.เมือง จ.นครปฐม และ พญ.อัจฉรา นิธิอภิญญาสกุล ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 5 ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดคลินิกผู้ป่วยนอก โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรงพยาบาลนครปฐม ศูนย์วัดไผ่ล้อม อย่างเป็นทางการ โดยมี นพ.สุรชัย  โชคครรชิตไชย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครปฐม นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครปฐม  คณะแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ และนายสมชาติ (นายเงี๊ยบ) สาลีพัฒนา นักธุรกิจร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลานายเงี๊ยบ ถนนพุทธมณฑลสาย 4 พร้อมด้วยผู้มีเกียรติร่วมในพิธี

นพ.สุรชัย กล่าวรายงานในพิธีเปิดคลิกนิกฯว่า รพ.นครปฐมมีนโยบายที่จะขยายบริการออกมาเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย จึงได้รับเมตตาจากท่านพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ ซึ่งคลินิกนี้ จะทำการตรวจรักษาโดยทีมแพทย์ และรักษาแบบครบวงจรในกลุ่มโรคที่ไม่ติดต่อเรื้อรัง นอกจากนี้ยังเป็นจุดให้บริการเจาะเลือด โดยผู้ป่วยสามารถเดินทางมาเจาะเลือดได้ในวัดไผ่ล้อมเพื่อลดความแออัดของโรงพยาบาลและสะดวกกว่าที่จะไปโรงพยาบาลนครปฐม โดยได้รับความเมตตาจากท่านพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ที่ให้เมตตาอนุเคราะห์ด้านสถานที่รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงต่างๆ อีกทั้งล่าสุดท่านยังเมตตาให้กับทีมหมอตาที่จะมาเปิดให้บริการที่นี่อีกด้วย

(ชมคลิป)

ด้าน พญ.อัจฉรา ประธานในพิธีเปิดคลินิกฯกล่าวว่า ความแออัดของโรงพยาบาลนั้นเป็นความทุกข์ทั้งของประชาชนและคุณหมอเอง การที่ได้คิดนอกกรอบว่าเราไม่จำเป็นต้องตั้งรับอยู่แต่ในโรงพยาบาล แต่ก็ต้องมีพื้นที่ที่ประชาชนสะดวกในการมาดูแลรับการรักษาเบื้องต้น ไม่ว่าจะเป็นการทำบัตร การตรวจเลือด และในอนาคตจะสามารถรับยาได้ถ้ามีการเชื่อมระบบกับโรงพยาบาล เช่นนี้ถือว่าทำงานเชิงรุกซึ่งเราใช้ประชาชนเป็นศูนย์กลางเพื่อให้เขาสะดวก ได้มีที่จอดรถ ดิฉันเห็นที่นี่เป็นที่แรก ที่ท่านเจ้าอาวาสมีเมตตากรุณาต่อกระทรวงสาธารณสุขด้วยการให้พื้นที่บริเวณอุโบสถหลังเก่า ถือว่าเป็นต้นแบบของประเทศได้เลย วัดแห่งนี้ได้มีส่วนให้บริการประชาชนด้านสุขภาพให้กับโรงพยาบาล อันแรกเลยคือความอุ่นใจของประชาชน การเข้าวัดย่อมอุ่นใจกว่าไปโรงพยาบาล เป็นเสมือนที่พักพิงทางใจ ได้มากราบพระ มากราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และได้มากราบหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสด้วย ดังนั้นคงไม่ใช่เรื่องของกายกับใจอย่างเดียวแต่เป็นเรื่องของจิตวิญาณด้วย ซึ่งอาจจะทำให้สุขภาพกายใจดีขึ้น นับตั้งแต่ได้ย่างก้าวเข้ามาในวัด จึงนับเป็นมิติใหม่ของการใช้บริการด้านการแพทย์ของประชาชนโดยมีวัดกับโรงพยาบาลเป็นเครือข่าย เป็นที่น่าดีใจเมื่อได้เห็นผู้ป่ายยิ้มอย่างมีความสุขขณะใช้บริการที่เอื้ออาทรต่อเขา ต้องถือว่าเป็นคุณูปการและเป็นบุญของพวกเราทุกคน ดังนั้นการได้มาทำคลิกนิกโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เบาหวาน ความดัน ณ ศูนย์วัดไผ่ล้อมซึ่งเป็นเครือข่ายของโรงพยาบาลนครปฐม ด้วยความร่วมมือของแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทุกท่าน และสิ่งที่เราเคารพสูงสุด คือหลวงพี่น้ำฝน ด้วยความคิดใหม่ๆ ของท่าน ดิฉันต้องขอความเคารพจากใจ หากมีโอกาสจะได้เชิญชวนท่านปลัดกระทรวงสาธารณสุขให้มาดูคลินิกผู้ป่วยนอกแห่งนี้อีกสักครั้ง

ขณะที่พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน กล่าวว่า ผอ.โรงพยาบาลมีทั้งหมด 3 ท่านที่ทำเครือข่ายระหว่างวัดกับโรงพยาบาล โดยเฉพาะอาตมาภาพนั้นได้รับคำสอนสององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ว่า ทุกคนนั้นต้องเกิด แก่ เจ็บ และตาย สองอย่างสุดท้ายจะไปอยู่เยอะที่สุด คือโรงพยาบาลกับวัด วัดนั้นอยู่เมื่อตาย โรงพยาบาลนั้นอยู่เมื่อเจ็บป่วย อาตมาภาพได้เห็นทุกขเวทนาตรงนี้จึงเป็นบ่อเกิดแห่งการจัดตั้งคลินิกผู้ป่วยนอกแห่งนี้ขึ้นมา บรมครูบาอาจารย์หลวงพ่อพูล อตฺตรักฺโข ท่านเป็นผู้เริ่มก่อสร้างวัดไผ่ล้อมตั้งแต่ปี 2480 แล้วท่านมาละสังขารเมื่อปี 2548 ครูบาอาจารย์ท่านนี้เปี่ยมล้นด้วยความเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา เมื่อท่านละสังขารอาตมาก็คิดได้ว่าญาติโยมมีเงินร้อยล้าน พันล้าน แสนล้าน ก็หนีความตายไม่ได้ ส่วนตัวอาตมาภาพเองก็พร้อมที่จะถึงวันนั้น ที่ชัดเจนที่สุดคือช่วงไวรัสโคโรนา โควิด-19 แพร่ระบาด ท่านปลัดกระทรวงสาธารณสุขโอภาส ท่านยังเป็นอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ อาตมาได้เคยทำหน้ากากผ้ามัสลินขึ้นมาแจกจ่ายช่วยเหลือ และได้เห็นญาติโยมล้มตายมากที่สุด ช่วงเวลานั้นวัดต่างๆ ทั่วประเทศไม่มีวัดไหนรับเผาศพติดเชื้อโควิด มีวัดไผ่ล้อมเป็นผู้นำในการทำพิธีฌาปนกิจศพผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนา โควิด-19 นับเป็นวัดต้นแบบต้นฉบับ ทุกศพอาตมาขึ้นไปเผาเองทุกศพ จนถึงวันนี้อาตมาก็ไม่เคยติดเชื้อโควิด-19 นี่คือบุญกุศลที่อาตมาทำไว้ อย่างแท้จริง

หลวงพี่น้ำฝน กล่าวอีกว่า วัดไผ่ล้อม พอผ่านประตูเข้ามา ทางขวาช่วยคนตาย ทางซ้ายช่วยคนเป็น วัดจึงเป็นสถานที่สำคัญของคน คือ คนเจ็บและคนตาย คงไม่เท่านั้น สำหรับคนป่วยเรื้อรังต่างๆ ย่อมมีความทุกข์ทรมาน ตอนตายนั้นเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่ตอนยังเป็นเขารู้ว่าเจ็บป่วยเป็นอย่างไร จึงทำให้อาตมาภาพต้องทุมเททั้งกายทั้งใจ เมื่อศิษยานุศิษย์ทั้งหลายได้เห็นเขาจึงเข้ามาช่วยโครงการต่างๆ ของอาตมาภาพ อาตมาขับเคลื่อนคนเดียวไม่ได้ อาตมาเป็นประธานมูลนิธิหลวงพ่อพูล มีโยมสมชาติ สาลีพัฒนา เป็นรองประธานมูลนิธิฯ ดังนั้นอาตมาภาพจึงมีกัลยาณมิตรที่ดีที่จช่วยส่งเสริมโครงการต่างๆ ตลอดมา โดยเฉพาะงานด้านศาสนสงเคราะห์ อาตมาจะสุขสบายคนเดียวไม่ได้เมื่อญาติโยมมีความทุกข์ เมื่ออาตมาภาพพอจะช่วยได้ก็ช่วย ดังนั้นอาตมาภาพจึงยินดีที่จะช่วยเหลืองานของโรงพยาบาลนั้นตลอดไปตราบเท่าชีวิตจะหาไม่  จึงขอเจริญพรอนุโมทนาท่านผู้ตรวจราชการ ท่านผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครปฐม ท่านนายแพทย์สาธารณสุขนครปฐมที่ได้เห็นความสำคัญของผู้เจ็บไข้ได้ป่วยที่มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ วัดไผ่ล้อมขอเป็นสาขาของโรงพยาบาลในการที่จะขับเคลื่อนงานต่างๆ ต่อไป

*****************************************************************