ทนายความไวยาวัจกรวัดไผ่ล้อม ยื่นฟ้อง “ไพรวัลย์”-“หนุ่ม กรรชัย” กับพวก ร่วมกันหมิ่นประมาท “หลวงพี่น้ำฝน”

0
189

วันนี้ (11 สิงหาคม 2566) เวลา 10.30 น. พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) เจ้าอาวาสวัด ไผ่ล้อม จ.นครปฐม มอบอํานาจให้ทนายศุภภัทร์พจน์ นิติศศธร ทนายความและไวยาวัจกรวัดไผ่ล้อม ทำการแถลงข่าวกรณีการยื่นฟ้องคดีอาญา ข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา กับ นายไพรวัลย์ วรรณบุตร เป็นจําเลยที่ 1, นายจตุรงค์ จงอาสา จําเลยที่ 2, บริษัท ดีคืนดีวัน จํากัด จําเลยที่ 3, นายภูดิท หรือกรรชัย กําเนิดพลอย จําเลยที่ 4, นางสาวปทิดา กําเนิดพลอย จําเลยที่ 5, บริษัท บีอีซี-มัลติมิเดีย จํากัด จําเลยที่ 6, นางสาวรัตนา มาลีนนท์ จําเลยที่ 7, นางสาวนิภา มาลีนนท์ จําเลยที่ 8, นางสาวอัมพร มาลีนนท์ จําเลยที่ 9 และนางรัชนี นิพัทธกุศล จําเลยที่ 10 ในฐานความผิดหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา  โดยมีผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าวต่างๆ จำนวนมากเข้าร่วมทำข่าว

ในการแถลงข่าว ทนายศุภภัทร์พจน์ นิติศศธร ทนายความ แถลงว่า เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2566 เวลา ประมาณ 12 นาฬิกาเศษ นายกรรชัย กำเนิดพลอย พิธีกรชื่อดังรายการ “โหนกระแส” ที่ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ ช่อง 3 ได้เชิญนายไพรวัลย์ วรรณบุตร อดีตพระมหาไพรวัลย์  และนายจตุรงค์ฯ มาในรายการ “โหนกระแส” โดยมีหัวข้อเรื่องว่า “แพรี่”ฟาดกลับ“หลวงพี่น้ำฝน” ปกป้องพระพยอม กรณีที่พระราชธรรมนิเทศ (พระพยอม กลฺยาโณ) เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน เกี่ยวกับการเมือง และพาดพิงสถาบันฯ ซึ่งต่อมา หลวงพี่น้ำฝน ก็ได้ออกมาแสดงความ คิดเห็นว่า ตามกฎมหาเถรสมาคม(มส.) ห้ามมิให้พระยุ่งเกี่ยวกับการเมือง และไม่เหมาะสมในการพูดเรื่องสถาบัน ปรากฏว่า นายกรรชัย ก็ได้เชิญนายไพรวัลย์ และนายจตุรงค์ มาออกรายการ “โหนกระแส” มีข้อความ อันเป็นการร่วมกันหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา โดยนายไพรวัลย์ กับพวก หมิ่นประมาทหลวงพี่น้ำฝน โดยกล่าวหาว่าใช้โอกาสที่พระพยอม กลฺยาโณ ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การเมืองและดูหมิ่นสถาบันฯ ทำให้มีประชาชนเข้ามาตําหนิติเตียนและอาศัยจังหวะและโอกาสได้ทีขี่แพะไล่ ซึ่งหมายถึง พูดซ้ำเติมพระพยอม กลฺยาโณ ว่า เมื่อพระพยอมเพลี่ยงพล้ำแสดงว่าทางหลวงพี่น้ำฝนเป็นคนไม่ดี และหาว่าเป็นคนพาลไม่ควรที่จะไปทะเลาะด้วย โดยเปรียบเทียบว่าเอาทองไปลู่กระเบื้อง เป็นคนละเมิดพระธรรมวินัย การลงนะหน้าทองเป็นพระสายเวทย์และไสยศาสตร์ทําคุณไสย  และเป็นคนไม่ดี มีการปลุกเสกแมสมียันต์เป็นการทําคุณไสย เป็นพระผู้ใช้เดรัจฉานวิชา เป็นพระที่ไม่น่าเลื่อมใส เป็นพระชอบโหนกระแสหรืออยากดัง ชอบปลุกเสกเลขยันต์ ชอบปลุกเสกกระเป๋าแบรนด์เนม ทําให้คนงมงาย

นอกจากนี้ยังดูหมิ่นว่า เป็นพระวินยาธิการต๊อกต๋อย ก็คือเป็นพระกระจอกต้อยต่ำ เป็นการดูหมิ่นดูแคลน และเหยียดหยามว่าเป็นผู้เลี้ยงชีพโดยมิชอบ ใช้เดรฉานวิชา ไม่สมกับการเป็นพระ และกล่าวหาใส่ร้ายว่า หลวงพี่น้ำฝนเป็นพระวินยาธิการ มีคุณสมบัติไม่ดี ไม่งาม ไม่เคยบิณฑบาต มัวแต่จับพระออกบิณฑบาต และกล่าวหาว่า หลวงพี่น้ำฝนเป็นพระวินยาธิการ ภาค 14 แต่ไปก้าวก่ายในเขตปกครองของพระพระยอม โดยใช้ ถ้อยคําหยาบคายและลบหลู่ด่าว่าต่างๆ นานา ซึ่งทางหลวงพี่น้ำฝนไม่เคยมีพฤติกรรมดังกล่าว และยังกล่าวหาว่า หลวงพี่น้ำฝนไปตรวจสอบวัดอ้อน้อยและถูกด่ากลับมา ทําให้ประชาชนดูหมิ่น ดูแคลน เหยียดหยาม โดยเฉพาะทั้งนายไพรวัลย์ และนายจตุรงค์ ได้สลับกันพูดจาดูหมิ่น ดูแคลน เหยียดหยามหลวงพี่น้ำฝนตลอดเวลา โดยมีนายกรรชัย พิธีกร คอยให้การเสริมเติมแต่งคําพูดเพื่อให้นายไพรวัลย์ และนายจตุรงค์ พูดจา ให้ร้ายป้ายสีหลวงพี้น้ำฝน

อีกทั้งนายภูดิท หรือหนุ่ม กรรชัย  พิธีกร ยังหยิบประเด็นในเรื่องของกุมารทอง ในเรื่องของการขายผ้า ขายกระเป๋า แล้วให้นายไพรวัลย์ และนายจตุรงค์ มาด่าว่าหลวงพี่น้ำฝนอยู่ตลอดเวลา และกล่าวหาว่าหลวงพี่น้ำฝนไม่ใช่เป็นพุทธบุตรแต่เป็นพราหมณ์ ใส่ผ้าเหลืองห่มจีวรของพระพุทธเจ้า แต่บูชาเคารพเทพของพราหมณ์ เป็นการดูถูกและเหยียดหยาม โดยเฉพาะนายจตุรงค์ ด่าหลวงพี่น้ำฝนว่า เป็นพระบัดซบ เป็นพระวินยาธิการต๊อกต๋อย ด้อยค่า และนายไพรวัลย์ ยังกล่าวหาว่าหลวงพี่น้ำฝนเป็นพระลัชชีธรรมคือเป็นพระผู้ไม่ละอายและเกรงกลัวต่อ บาป

การกระทําของนายไพรวัลย์ นายจตุรงค์ และนายกรรชัย ดังกล่าว เป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น เหยียดหยาม ด้อยค่าความเป็นพระของหลวงพี่น้ำฝน ซึ่งไม่ควรกระทําเช่นนั้น โดยมีบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด  นายภูดิท หรือหนุ่ม กรรชัย นางสาวปทิดา ในฐานะบริษัทและกรรมการของบริษัทต้องคอยสอดส่องดูแลมิให้มีการกระทําการหมิ่นประมาทหลวงพี่น้ำฝน แต่ไม่มีการเตือน การห้ามปราม แต่ปล่อยให้นายไพรวัลย์ นายจตุรงค์ และนายภูดิท หรือหนุ่ม กรรชัย ดําเนินรายการไปจนจบรายการ เพื่อสร้างเรทติ้งของรายการโหนกระแส และของสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 HD หรือออนไลน์

ส่วนบริษัท บีอีซี-มัลติมิเดีย จำกัด ในฐานะที่เป็นเจ้าของสถานีโทรทัศน์ และมีนางสาวรัตนา มาลีนนท์ , นางสาวนิภา มาลีนนท์ , นางสาวอัมพร มาลีนนท์ และนางรัชนี นิพัทธกุศล เป็นกรรมการ ต้องห้ามปรามและต้องคอยสอดส่องดูแลมิให้นายไพรวัลย์ นายจตุรงค์ นายภูดิท หรือหนุ่ม กรรชัย ให้สัมภาษณ์และดําเนินรายการอันเป็นการหมิ่นประมาทหลวงพี่น้ำฝน

ซึ่งข้อความที่นายไพรวัลย์ นายจตุรงค์ นายภูดิท หรือหนุ่ม กรรชัย หมิ่นประมาทนั้น หลวงพี่น้ำฝนไม่ได้มีพฤติกรรมดังกล่าว การกระทําของหลวงพี่น้ำฝนในแต่ละเรื่องไม่ผิดพระธรรมวินัย หากนายไพรวัลย์ นายจตุรงค์ เห็นว่าหลวงพี่น้ำฝนกระทําไม่ถูกก็ควรที่จะร้องเรียนไปยังผู้บังคับบัญชาตามลําดับชั้น ซึ่งนายไพรวัลย์ และนายจตุรงค์ ก็ทราบดีว่าสามารถทําได้ แต่ก็ไม่กระทํา กลับใช้ช่องทางออกรายการ “โหนกระแส” ดังกล่าว เป็นการหมิ่นประมาทหลวงพี่น้ำฝน ทําให้เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ด้วยการโฆษณา

ทนายศุภภัทร์พจน์ นิติศศธร ทนายความและไวยาวัจกรวัดไผ่ล้อม กล่าวด้วยว่า ด้วยเหตุนี้ ตนในฐานะทนายความได้รับมอบอำนาจจากพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน จะได้ดำเนินการยื่นฟ้องผู้กระทำผิดทั้งหมดต่อศาลจังหวัดนครปฐม ในบ่ายวันนี้ ซึ่งคงไม่ใช่เพื่อหลวงพี่น้ำฝนเท่านั้น แต่เพื่อปกป้องคณะสงฆ์และธำรงรักษาไว้ซึ่งพระพุทธศาสนา

*****************************************************************