แห่ร้อง บก.ป. ทวงคืนพระเครื่องมูลค่าหลายล้านบาท ที่เอาไปฝากอดีตเจ้าอาวาสวัดทุ่งน้อยจำหน่าย ก่อนมรณภาพ

0
220

เมื่อวันที่ 19 เม.ย.65 เวลา 11.00 น. ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน จตุจักร กทม. นายวิชัย ประเสริฐสุดสิริ ผู้ประสานงานองค์กรส่งเสริมและปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนา พร้อมผู้เสียหายรวม 6 คน เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ธนกฤต สิงห์ฉลาด รอง สว.(สอบสวน) กก.5 บก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับผู้รับผิดชอบที่ไม่ยอมคืนพระเครื่องจำนวนมากที่บรรดาผู้เสียหายซึ่งเป็นญาติโยมและลูกศิษย์ของพระครูเกษม(เขมคุณ) อดีตเจ้าอาวาสวัดทุ่งน้อย เจ้าคณะตำบลศรีมหาโพธิ์ หลังจากท่านมรณภาพ เมื่อวันที่ 7 มี.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งผู้เสียหายได้นำไปฝากไว้กับพระครูเกษม เพื่อนำไปบอกบุญให้คนเช่าบูชา หลังจากนั้นจะนำรายได้มาแบ่ง ส่วนหนึ่งมาบูรณะวัด ที่เหลือให้คืนเจ้าของพระเครื่องเหล่านี้กลับไป

นายวิชัย กล่าวว่า ก่อนหน้านี้กลุ่มผู้เสียหายซึ่งเป็นญาติโยมลูกศิษย์ของพระครูเกษม เจ้าอาวาสวัดทุ่งน้อย เพื่อนำพระเครื่องเลี่ยมทอง พระบูชาเหล่านี้ไปบอกบุญแก่ผู้สนใจเช่าไปบูชาต่อ โดยจะนำเงินบางส่วนจากการเช่าบูชามาบูรณะวัดจำนวนหลายองค์ บางองค์มีมูลค่าหลักล้านบาท ต่อมาเจ้าอาวาสท่านได้มรณภาพลง ญาติโยมที่เป็นเจ้าของจึงได้ไปทวงถามพระเครื่องเหล่านั้นคืนจากเจ้าอาวาสคนใหม่ และคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาเอง แต่ถูกบ่ายเบี่ยงไม่ยอมคืนให้  ทั้งที่บางรายมีหลักฐานภาพถ่ายพระยืนยัน ตนเชื่อว่าน่าจะมีเจตนาเก็บไว้เองวันนี้จึงต้องรวมตัวกันมาแจ้งความตำรวจกองปราบปรามให้ช่วยติดตามพระเครื่องเหล่านี้คืนเจ้าของด้วย

นางปวีรญา สุนทรชื่นชุ์ เปิดเผยว่า ตนและสามี ได้นำวัตถุมงคล พระเครื่อง พระบูชา และอื่นๆ จำนวน 1,440 องค์/ชิ้น ไปฝากไว้ที่พระครูจันทเขมคุณ อดีตเจ้าอาวาสวัดทุ่งน้อย จำหน่ายให้กับญาติโยมทำบุญ กำไรที่ได้ส่วนหนึ่งถวายให้หลวงพ่อเป็นค่าบูรณะซ่อมแซมวัด โดยอดีตเจ้าอาวาสลงลายมือรับวัตถุมงคลไว้ มีพยานรู้เห็นว่าเป็นพระเครื่องของตน

ต่อมาวันที่ 7 มี.ค. อดีตเจ้าอาวาสมรณภาพลง และพระราชทานเพลิงศพไปวันที่ 8 มี.ค.  โดยเจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์แต่งตั้งพระรูปหนึ่งขึ้นเป็นเจ้าอาวาสแทน ตนและสามีได้ติดต่อขอรับวัตถุมงคลทั้งหมดคืน แต่เจ้าอาวาสรูปใหม่ไม่ยอมคืน อ้างว่าพระเครื่องทั้งหมดต้องตกเป็นของทางวัด แม้ตนจะเอาหลักฐานไปแสดงยืนยันความเป็นเจ้าของแล้วก็ตาม

นายผดุง เล็กจินดา กล่าวว่า ตนเป็นลูกศิษย์อดีตท่านเจ้าอาวาส ท่านดูพระเก่ง ญาติโยมก็มักจะเอาพระเครื่องมาให้ท่านดู ให้เอามาฝากท่านไว้ ตนเองก็เคยซื้อต่อจากท่าน บางครั้งตนต้องการจะขายก็จะเอามาฝากท่าน ท่านรู้จักนักเล่นพระเครื่องเยอะก็จะฝากขายให้ได้ พอขายได้เงินมาส่วนหนึ่งก็จะให้ท่านแบ่งเอาไว้ทำบุญพัฒนาวัดตามประสงค์ของท่าน เงินที่เหลือก็คืนเจ้าของพระเครื่องไป ทำแบบนี้กันมานานพอสมควรแล้ว  หลังจากท่านมรณภาพลงพระเครื่องที่มีเจ้าของเหล่านั้นก็ติดอยู่ในเซฟของท่าน มีเยอะพอสมควรหลายเจ้าของ เราติดต่อทวงคืนแต่เจ้าอาวาสรูปก็ยังไม่ยอมคืนให้ บางคนก็เดือดร้อนขัดสนเงินทองอยากได้พระเครื่องกลับคืนเพื่อเอาไปจำหน่ายต่อหาเงินมาใช้ในชีวิตประจำวัน แต่กลับไม่ได้คืนสักที พระบางองค์ก็มีต้นทุนที่ต้องเช่ามาก่อนก็มี จึงต้องมาร้องขอความเป็นธรรมกับตำรวจกองปราบ การที่ไม่ยอมคืนก็ผิดศีลเพราะเจ้าของเขาไม่มีเจตนาที่จะมอบให้วัด

นายบันทึก เหมทอง ซึ่งเป็นน้องชายแท้ๆ ของพระครูเกษม กล่าวว่า ตนปรนนิบัติท่านมาตลอดจนมรณภาพ ท่านได้มอบกุญแจตู้เซฟและกุฏิไว้ที่ตน พระเผชิญ พระลูกวัดได้เอาโซ่มาล้อมไว้หมด พระแหลม ซึ่งเป็นพระเลขาฯ กลับไม่ทำอะไรเลย ก่อนท่านจะมรณภาพได้สั่งเสียตนไว้ให้เอาพระเครื่องที่ชาวบ้านมาฝากไว้ออกจากตู้เซฟ ไปเก็บที่บ้านก่อนเพื่อคืนเจ้าของ แต่ยังไม่ทันเอาออกก็โดนปิดล้อมกุฏิหมด พระเครื่องของตนก็ฝากไว้ในเซฟเหมือนคนอื่นๆ

นายมณี จีนพงษ์พนัธ ช่างก่อสร้างที่มารับงานก่อสร้างศาลา และหอระฆังวัด จนใกล้ชิดอดีตเจ้าอาวาส  บอกว่า ท่านจะบอกกับญาติโยมว่าใครมีพระเครื่องก็เอามาฝากไว้กับท่าน ไม่ใช่เป็นการขายให้ท่าน ส่วนหนึ่งขายได้ก็แบ่งเอามาสร้างสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ในวัด ตนได้นำพระเครื่อง เช่น พระสมเด็จจิตรลดา สมเด็จวัดระฆัง พระวัดปากน้ำ รุ่น 1  ไปฝากไว้กับท่านอดีตเจ้าอาวาส ไว้ให้คนเช่า เนื่องจากท่านรู้จักคนเยอะ เพื่อนำเงินรายได้ส่วนหนึ่งมาบูรณะวัด อีกส่วนตนก็จะรับเงินคืน ส่วนเบี้ยแก้หลวงปู่บุญ เปลือยไม่ถักเชือก ท่านอดีตเจ้าอาวาสบอกราคาอยู่ที่ 3 แสนขึ้น ท่านอยากได้มาดูรอยจาร เพราะท่านจะทำเบี้ยแก้ของวัดทุ่งน้อย ออกให้คนเช่า แต่ตอนนี้ทั้งหมดยังไม่ได้คืน อ้างว่าต้องหาหลักฐานมาให้พร้อม ประชุมกันหลายครั้งแล้วคณะกรรมการ ก็ยังดื้อดึงไม่ยอมคืนให้เจ้าของสักที

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้เสียหายทั้งหมดไว้แล้ว ซึ่งก็จะพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป