“ฉัตรชัย” แจงไม่เอี่ยวเมรุร้างวัดดังนครนายก จนท.เผยของบจริง 1.8 ล้านในส่วนเตาเผาปลอดมลพิษ ไม่พบรายงานการติดตั้งแล้วเสร็จ
วันนี้ 5 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีได้รับข้อร้องเรียนวัดดังในเขตอำเภอเมือง จ.นครนายก ที่ส่อทุจริตเงินของวัดและงบอุดหนุนจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) พร้อมกับเรียกร้องให้ส่วนงานที่เกี่ยวข้อง มีการตรวจสอบหาข้อเท็จจริงและดำเนินการทั้งทางปกครองสงฆ์และตามกฎหมาย พร้อมเผยภาพถ่ายสภาพเมรุปลอดมลพิษที่ถูกทิ้งรกร้าง คาดอาจจะเกี่ยวโยงกับคดีเงินทอนวัด หรือมีการส่งส่วยพระผู้ใหญ่ตามที่สังคมกำลังให้ความสนใจขณะนี้ ทั้งนี้ นายฉัตรชัย ชูเชื้อ ผอ.กองพุทธศาสนสถาน ชี้แจงกับผู้สื่อข่าวว่า ตามที่ตนถูกคำสั่งย้ายให้ไปดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด(พศจ.) ปทุมธานี นั้น วันนี้ยังไม่ได้มอบงานให้ผู้มาเป็นผอ.กองพุทธศาสนสถานคนใหม่ แต่ข่าวที่ออกไปเรื่องเมรุร้างที่นครนายกเหมือนกับจะเชื่อมโยงมาถึงตน ซึ่งสมัยที่ตนเข้ามารับหน้าที่ในปี 2559-2560 วัดดังกล่าวไม่มีการของบอุดหนุนเข้ามา เมื่อดูจากภาพของเมรุร้างแล้วน่าจะสร้างก่อนปี 56-57 มากกว่า
ผอ.กองพุทธศาสนสถาน กล่าวต่อว่า หลังจากตนเข้ามารับตำแหน่งก็ได้วางระบบการบริหารจัดการภายในกองพุทธศาสนสถานไว้อย่างรัดกุม รวดเร็ว และโปร่งใส เพื่อการทำหน้าที่สนองงานด้านงบอุดหนุน การก่อสร้าง หรือการบูรณะซ่อมแซมวัดดำเนินไปอย่างถูกต้องตามหลักเกณฑ์ เมื่อถามว่าเหตุที่ถูกโยกย้ายครั้งนี้เกี่ยวโยงกับการทุจริตเงินทอนหรือไม่ นายฉัตรชัยตอบว่า ที่ต้องเกี่ยวข้องกับคดีก็เพราะมีพระบางรูปให้การซัดทอด และตนพร้อมที่จะให้มีการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในทุกขั้นตอน
เมื่อผู้สื่อข่าวประสานไปยังเจ้าหน้าที่ในกองพุทธศาสนสถาน จากการตรวจสอบเอกสารการขออุดหนุนสร้างเมรุปลอดมลพิษของวัดดังแห่งนี้ พบว่า มีการของบอุดหนุนค่าเตาเผาปลอดมลพิษเข้ามาจริงเมื่อปี 2554 โดยได้รับอนุมัติเป็นจำนวนเงินกว่า 1.8 ล้านบาท นับจากนั้นมาทางวัดไม่มีการรายงานผลการใช้งบประมาณส่วนนี้ตามระเบียบที่ทุกวัดจะต้องทำเรื่องแจ้งผลการก่อสร้างเมื่อแล้วเสร็จ และกรอกรายละเอียดการใช้งบอุดหนุนพร้อมกับแสดงภาพถ่ายด้วย ซึ่งเรื่องนี้ก็ตอบไม่ได้ว่าเป็นเพราะอะไร ทำไมเมรุปลอดมลพิษถึงถูกปล่อยทิ้งร้างเช่นนี้ ทั้งๆ ที่ทางวัดเองก็จะน่าจะมีรายได้จากเงินทำบุญมากกว่าวัดใดๆ ในจังหวัดนครนายก
