อัยการยื่นฟ้องแล้ว 10 อดีตพระเถระ วัดสามพระยา-สระเกศ-ฆราวาส ฟอกเงินทอนวัด ฟ้องแยก 2 วัด 2 สำนวน ผิดฟอกเงิน – ม.157 รอลุ้นสอบคำให้การรับ-ปฏิเสธ

0
1036

สำนักข่าว thairnews – ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (15 ส.ค.) พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปราบการทุจริต 1 ได้นำสำนวนเอกสาร ยื่นฟ้องนายเอื้อน กลิ่นสาลี “อดีตพระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม)” อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพระยา อดีตกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) และอดีตเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร และนายสมทรง อรรถกฤษณ์ “อดีตพระอรรถกิจโสภณ” อดีตเลขาเจ้าคณะกรุงเทพ วัดสระสามพระยา เป็นจำเลยในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริตเพื่อให้ความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 (ฟ้องอดีตเจ้าอาวาส) และเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานฯ , ร่วมกันฟอกเงินอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 กรณีร่วมกันฟอกเงิน จากการทุจริตเงินทอนวัดในส่วนอุดหนุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม

โดยปัจจุบัน อดีตพระเถระทั้งสอง ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ระหว่างการฝากขัง ซึ่งการยื่นฟ้องวันนี้ ก็อยู่ในช่วงฝากขังผลัดสุดท้าย (คร้้งที่ 7) ซึ่งอัยการไม่ได้คัดค้านการให้ประกันตัวแต่ให้เป็นดุลยพินิจของศาล

ขณะที่เช้าวันเดียวกัน ที่ศาลอาญาคดีทุจริตฯ กลาง พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 2 ก็ได้ยื่นฟ้องอดีตพระเถระชั้นผู้ใหญ่วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ร่วมกับฆราวาส รวม 8 คนเป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 กรณีร่วมกันฟอกเงิน การทุจริตเงินทอนวัดในส่วนโครงการศูนย์กลางเผยแพร่พระพุทธศาสนา โดยปัจจุบัน อดีตพระเถระทั้งสอง ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ระหว่างการฝากขังและไม่ได้รับการประกันตัวเช่นกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้เหตุที่ระหว่างการฝากขังศาลอาญาคดีทุจริตฯ และศาลอุทธรณ์ได้มีคำสั่งยืนไม่ให้ประกันตัวเนื่องจากเห็นว่า การกระทำความผิดมีผลกระทบต่อพุทธศาสนาและมีลักษณะเป็นขบวนการ โดยมีการแบ่งหน้าที่ยักย้ายเงินที่ได้มาผ่านทางธนาคาร จึงต้องมีเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดอยู่ในความครอบครองของพวกกระทำผิด หากให้ปล่อยชั่วคราวแล้วเชื่อว่าจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานเป็นอุปสรรคหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อการสอบสวนของเจ้าพนักงาน ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านด้วย

ขณะที่ความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินการทุจริตนั้น ที่ผ่านมามีการฟ้องคดีเข้าสู่ศาลอาญาคดีทุจริตฯ กลางแล้วเพียง 1 สำนวน คือ  “พระครูกิตติ พัชรคุณ”หรือนายสมเกียรติ ขันทอง เจ้าคณะอำเภอชนแดน จ.เพชรบูรณ์ และเจ้าอาวาสวัดลาดแค ที่อัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต ยื่นฟ้องคดีเมื่อวันที่ 22 ก.พ.61 ที่ผ่านมาเป็นคดีดำหมายเลข อท.38/2561 กรณีที่ร่วมกัน กับนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีต ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หรือ พศ. อายุ 59 ปี (ยังหลบหนีคดี) สมคบฟอกเงินทอนวัดต่างๆในเขต จ.เพรชบูรณ์ , นครสวรรค์ ,  ตากและชุมพร ราว 28 ล้านบาท ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542

โดยชั้นฝากขัง อดีตพระครูกิตติ พัชรคุณไม่ได้รับการประกันตัว แต่ก็เพิ่งจะได้ประกันตัวชั้นพิจารณาคดี ด้วยหลักทรัพย์ที่ศาลตีราคาประกัน 1.5 ล้านบาท โดยมีการกำหนดเงื่อนไขห้ามจำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักรด้วย เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล และให้เก็บรักษาหนังสือเดินทางของจำเลยไว้ด้วย ซึ่งคดีอยู่ระหว่างการรอไต่สวนพยานในชั้นศาล