อสคพ. จี้ให้ทบทวนจริยธรรมผอ.พศ. หลังพบข้อมูลงบปฏิสังขรณ์ เงินทอนวัด รั่วไหลไปโผล่ในเฟซบุ๊กพระพุทธะอิสระ

0
3953

เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 12 กรกฎาคม เวลา 10.30 น. ที่อาคารสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) หลังใหม่ พุทธมณฑล จ.นครปฐม นายวิชัย ประเสริฐสุดสิริ ผู้ประสานงานองค์กรส่งเสริมและปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนา(อสคพ.) ได้เข้ายื่นหนังสือต่อพ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.พศ. ขอให้ตรวจสอบการนำข้อมูลทางราชการออกมาเผยแพร่ผ่านพระพุทธะอิสระหรือไม่ โดยพ.ต.ท.พงศ์พร ติดการประชุม จึงมอบให้นายประดับ โพธิกาญจนวัตร ผอ.สำนักงานพุทธมณฑล ในฐานะโฆษกพศ. เป็นผู้รับหนังสือแทน โดยนายประดับแจ้งว่าจะนำข้อร้องเรียนแจ้งไปยังผอ.พศ.ต่อไป

ต่อมาเวลา 18.00 น. นายวิชัย พร้อมด้วย พระสุทธิ์ศักดิ์ สิรินันโท วัดอ้อยช้าง จ.นนทบุรี ได้ยืนหนังสือเรื่องเดียวกันกับนายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ภายหลังการร่วมหารือกับตัวแทนมหาเถรสมาคม(มส.) เพื่อพิจารณาดำเนินการตามข้อร้องเรียน โดยนายวิชัย กล่าวว่า การเข้ายื่นหนังสือครั้งนี้ เนื่องจากพบว่า มีข้อมูลทางราชการของพศ. เกี่ยวกับงบฯบูรณปฏิสังขรณ์วัด และเงินอุดหนุนการศึกษาสงฆ์ หลุดไปอยู่ในมือของพระสุวิทย์ ธีรธมฺโม หรือพุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม หรือไม่ เพราะบุคคลดังกล่าวได้มีการนำข้อมูลออกมาเผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เพื่อกล่าวโจมตีพระมหาเถระ พระสังฆาธิการ วัดต่างๆ รวมทั้งมหาเถรสมาคม(มส.) สร้างความเสียหายต่อคณะสงฆ์ และสถาบันพระพุทธศาสนา ทั้งที่เรื่องดังกล่าวทางผอ.พศ.และปปป. กำลังตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่ จึงไม่ควรมีบุคคลใดนำข้อมูลมาใช้สร้างความน่าเชื่อถือให้กับตนเอง และสร้างความเสื่อมเสียให้กับสถาบันพระพุทธศาสนา จึงอยากให้ผอ.พศ.ตรวจสอบ หากพบเป็นบุคคลในพศ. ขอให้พิจารณาลงโทษ หรือหากข้อมูลดังกล่าวมาจากผอ.พศ.เอง ก็ขอให้แสดงความรับผิดชอบทางจริยธรรมด้วย

นายวิชัย กล่าวต่อไปว่า ทางอสคพ. จะรอฟังผลภายใน 15 วัน พร้อมกันนี้ทางอสคพ.ยังได้ออกแถลงการณ์ ระบุด้วยว่า รัฐบาลจัดสรรงบประมาณผ่านพศ. เพื่อส่งเสริม ดูแล ปกป้อง คุ้มครองพระพุทธศาสนา พระภิกษุสงฆ์ผู้รับ ไม่สามารถร้องขอหรือชี้นำใดๆ ได้ เพราะจะเท่ากับว่ามีความยินดียินร้าย หรือมีความกำหนัดในทรัพย์สิน ถือว่ามีความผิดทางพระวินัย ดังนั้นเมื่อได้รับงบฯจากทางพศ. พระท่านก็ดำเนินการตามที่พศ.แนะนำ ไม่สามารถถามได้ว่า พศ.จะเอาเงินคืนไปทำอะไร เมื่อพระทำตามที่พศ.แนะนำแล้ว จึงเท่ากับว่าเงินออกจากความรู้เห็นของพระภิกษุตามพระวินัยแล้ว เมื่อเกิดการทุจริต ย่อมเป็นหน้าที่ของรัฐบาลต้องดำเนินการกับทางเจ้าหน้าที่พศ.จึงจะถูกต้อง ไม่ควรโยนความผิดให้แก่วัด