อดีต “พระพรหมสิทธิ” โผล่กลางโบสถ์วัดสระเกศ มอบตัว “ผบช.ก.” ให้การปฏิเสธ กองปราบฯคุมตัวส่งศาลค้านประกัน เสริมกำลังชุดสืบเร่งล่าอดีตพระพรหมเมธี

0
1850

วันที่ 30 พฤษภาคม ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการติดตามจับกุมตัวพระเถระชั้นผู้ใหญ่จำนวน 2 คนที่ยังคงหนีหมายจับในคดีทุจริตเงินทอนวัดว่า เมื่อเวลา 09.00 น. อดีตพระพรหมสิทธิ หรือพระธงชัย สุขญาโณ อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร อดีตกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) และอดีตเจ้าคณะภาค 10 ได้มอบหมายให้ทนายความ ติดต่อขอเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนกองปราบฯ หลังจากถูกศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลางออกหมายจับ จนตกเป็นผู้ต้องหาในคดีเงินทอนวัด ในความผิดข้อหาสนับสนุนเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์, ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน หลังได้รับการติดต่อทางพนักงานสอบสอบสวนจึงได้รายงานไปยังผู้บังคับบัญชา กระทั่ง พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. ได้ประสานทางโทรศัพท์กับพระพรหมสิทธิ ด้วยตนเอง โดยพระธงชัยนั้นได้แสดงความจำนงที่จะมอบตัวภายในอุโบสถวัดสระเกศราชวรวิหาร พล.ต.ท.ฐิติราช จึงได้เดินทางไปรับตัวที่จุดนัดหมายก่อนที่จะนำตัวมาสอบสวนที่กองปราบปรามด้วยตนเอง โดยมี พล.ต.ต.อภิชาติ ศิริสิทธิ์ รองผบช.ก. พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง รองผบช.ก. และพล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. ร่วมสอบปากคำด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ทันทีที่เดินทางมาถึง พระธงชัย ได้หลบสื่อมวลชนเดินขึ้นบันไดด้านข้างอาคาร โดยก่อนการสอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบฯได้มีการถ่ายรูป พิมพ์ลายนิ้วมือ ทำประวัติ ก่อนที่จะให้แพทย์จากโรงพยาบาลตำรวจเข้าตรวจร่างกายพระพรหมสิทธิ ตามขั้นตอนการสอบสวน ต่อมาทาง พล.ต.ท.ฐิติราช ได้เข้าสอบปากคำพระธงชัย อย่างเคร่งเครียด เป็นเวลานานกว่า 4 ชั่วโมง ในประเด็นต่างๆ โดยเฉพาะพฤติการณ์และเรื่องราวทางคดีแต่เจ้าตัวยังให้การปฏิเสธ จนกระทั่งเสร็จสิ้นขั้นตอนการแจ้งข้อกล่าวหาและสอบปากคำจึงได้เตรียมส่งตัวพระธงชัย ไปผลัดฟ้องฝากขังที่ศาลอาญาคดีทุจริตฯ เป็นนัดแรกมีกำหนดเวลา 12 วัน

จากนั้นเวลา 14.50 น. วันเดียวกัน พล.ต.ต.ไมตรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รองผบก.ป. พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธ์ม่วง ผกก.5 บก.ป. ได้คุมตัว พระธงชัย ไปขึ้นรถตู้ บก.ป. เพื่อขออำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ เพื่อผลัดฟ้องฝากขังท่ามกลางกำลังตำรวจคอมมานโด บก.ป.และ กก.5 บก.ป.กว่า 30 นาย ที่คอยดูแลรักษาความเรียบร้อยอย่างเข้มงวด โดยตลอดเวลาที่มีการสอบปากคำไม่มีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่รายใดให้ข้อมูลกับสื่อมวลชน อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า พล.ต.ต.สุทิน ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก.2 บก.ป.  นำกำลังชุดสืบสวนร่วมกับ พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.3 บก.ป. เพื่อกดดันติดตามตัว อดีตพระพรหมเมธี หรือพระจำนง ธมฺมจารี อย่างเร่งด่วนเนื่องจากเป็นผู้ต้องหารายสุดท้ายที่ยังคงหลบหนี โดยก่อนหน้านี้กองปราบฯได้ทำหนังสืออายัดตัวญาติโยมคนสนิทพระจำนงค์ เป็นคนไทยชายหญิง 2 คน และคนลาว 1 คน รวม 3 คนไปยังด่าน ตม.ทั่วประเทศแล้ว หลังเชื่อว่าจะเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับการพาพระผู้ใหญ่รายนี้หลบหนี

ด้าน พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผบก.ปปป. เปิดเผยถึงกรณี อดีตพระราชอุปเสณาภรณ์ หรือพระสังคม ญาณวฑฺฒโน ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร ซึ่งเป็น 1 ใน 7 พระเถระ ที่มส. ได้มีมติถอดถอนออกจากตำแหน่งดังกล่าว ว่า ในส่วนนี้ไม่อยู่ในความรับผิดชอบของ บก.ปปป. แต่เป็นเรื่องที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เป็นฝ่ายพิจารณาดำเนินการ และมีการเสนอต่อมส.กระทั่งมีมติ มส.ดังกล่าวออกมา

สำหรับความคืบหน้าการจับกุม อดีตพระครูไกรศรวิลาศ เจ้าอาวาสวัดตราชู ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อทำจัดการหรือรักษาทรัพย์ใดหรือเป็นของผู้อื่นหรือโดยทุจริต ยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย และอดีตพระครูวิลาสกิจจานุกูล รองเจ้าอาวาสวัดกุฎีทอง อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี ในข้อหาเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานและมีหน้าที่ซื้อทำจัดการหรือรักษาทรัพย์ใด หรือเป็นของผู้อื่นหรือโดยทุจริต ยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับการหายไปของพระประธานของวัดพร้อมให้พระทั้ง 2 รูปยอมสละสมณเพศ แล้วนำตัวไปฝากขังยังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 จ.สระบุรี ซึ่งขณะนี้ยังถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำสระบุรีนั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าว่า พ.ต.อ.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบก.ป. ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.แมน เม่นแย้ม ผกก.4 บก.ป.พ.ต.ท.ประเสริฐ หวังบุญสร้าง สว.กก.4 บก.ป. นำกำลังเข้าตรวจค้นที่บ้านพักส่วนตัวของ นายกิตติ ชูเนตร อายุ 56 ปี  หรืออดีตพระครูวิลาสกิจจานุกูล อดีตรองเจ้าอาวาสวัดกุฎีทอง อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี  ร่วมทั้งหมด 4 จุดในพื้นที่ อ.พรมบุรี , อ.บางระจัน และ อ.เมืองจังหวัดสิงห์บุรี เพื่อขยายผลเพิ่มเติม หลังจากมีชาวบ้านและพระจากวัดหลายแห่งในจ.สิงห์บุรี  ร้องเรียนว่า มีพระพุทธรูปเก่าแก่ได้หายไปจำนวนมากและสงสัยว่าจะเกี่ยวข้องคดีที่มีการจับกุมดังกล่าว

พ.ต.อ.จรูญเกียรติ กล่าวว่า เบื้องต้นจากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่พบพระเครื่องและพระพุทธรูปบูชาโบราณขนาดต่างๆ กันหลายร้อยองค์อยู่ในบ้านพักของนายกิตติ และพระเครื่องอีกจำนวนมากซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการตรวจนับ โดยสงสัยว่าทั้งหมดอาจถูกโจรกรรมมา จึงอายัดของกลางส่วนหนึ่งมาไว้ที่กองปราบฯและส่วนหนึ่งยังคงอายัดไว้ที่บ้านพักและกุฏิของนายกิตติ เพื่อทำการตรวจสอบหาที่มาที่ไป และหากประชาชนและวัดต่างๆ รายใดที่สงสัยว่าจะเป็นพระพุทธรูปและเครื่องของตัวเองที่หายไป ก็ขอให้เข้ามาตรวจสอบของกลางได้ที่กองปราบปราม เพื่อจะได้ขยายผลการดำเนินคดีต่อนายกิตติต่อไป