“หลวงพี่น้ำฝน” โดยกองทุนหลวงพ่อพูล มอบเครื่องเป่าลมสร้างแนวกันไฟป่าและดับไฟป่าให้หน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้ปากท่อ

0
477

เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2563 ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ 87 พรรษา หน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้ปากท่อ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 (ราชบุรี) กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม  อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม มอบเครื่องเป่าลมสร้างแนวป้องกันไฟป่าให้กับหน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้ปากท่อ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 (ราชบุรี)กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

เครื่องดับไฟป่าลักษณะนี้ สามารถใช้แทนกำลังคนได้ถึง 10 คน ซึ่งการเกิดไฟป่าถือเป็นภัยร้ายแก่ระบบนิเวศและมลพิษทางอากาศ  เครื่องเป่าลมสร้างแนวกันไฟป่าและดับไฟป่านี้ถือว่าเป็นเครื่องที่มีประสิทธิภาพ โดยให้เจ้าหน้าที่จะใช้สะพายเครื่องอยู่ด้านหลังและเดินเข้าไปสร้างแนวป้องกันและดับไฟป่าในเขตป่าของจังหวัดราชบุรี

พระครูปลัดสิทธิวัฒน์  หรือหลวงพี่น้ำฝน กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุดเราควรช่วยกันอนุรักษ์ผืนป่าไว้ โดยเฉพาะการเห็นเหตุการณ์เหล่านี้คือไฟไหม้ป่าที่สร้างความเดือดร้อนอย่างใหญ่หลวงให้กับประชาชน  วัดไผ่ล้อมโดยกองทุนหลวงพ่อพูล ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญ จึงได้ลงมาช่วยเหลือเพื่อฟื้นคืนผืนป่าให้มีความอุดมสมบูรณ์สืบต่อไป

หัวหน้าหน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้ปากท่อ กล่าวว่า อย่างที่ทราบกันดีว่าที่ผ่านมาสถานการณ์ ไฟป่าและหมอกควันเกิดขึ้นแทบทุกพื้นที่และเกิดพร้อมกันหลายแห่ง  ซึ่งกำลังเจ้าหน้าที่ก็มีอยู่น้อย เครื่องเป่าลมตัวนี้ถือเป็นเครื่องที่ดับไฟป่าได้ดีที่สุดในขณะนี้ หนึ่งเครื่องสามารถใช้แทนแรงงานคนได้ถึง 10 คนและใช้ได้ผลดี ขึ้นไปบนพื้นที่ป่าเขาสูงๆ โดยเครื่องเป่าลมทั้งหมดเราได้รับบริจาคจากคณะสงฆ์และภาคเอกชนต่างๆ รวมทั้งหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม รวมแล้วขณะนี้ประมาณ 50 เครื่อง โดยทั้ง 50 เครื่องนี้เราก็จะนำไปตั้งตามจุดที่เสี่ยงเกิดสถานการณ์ไฟป่า โดยจัดส่งเจ้าหน้าที่ขึ้นไปดับไฟป่า

จึงอยากจะเชิญชวนจิตอาสามาช่วยกันและขอให้ประชาชนใส่ใจเรื่องไฟป่าและหมอกควัน   และโครงการนี้ถือเป็นที่แรกของประเทศไทย ก็อยากจะกระจายแนวความคิดนี้ไปสู่ทุกภาค ส่วนที่มีจิตศรัทธาอยากจะมาช่วยแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันทางกรมป่าไม้ก็ขอขอบคุณทางหลวงพี่น้ำฝนและคณะศิษย์ยานุศิษย์ทั้งหลายที่ได้ร่วมกันนำเครื่องเป่าลมมามอบให้กับทางกรมป่าไม้ ก็จะนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มกำลังตามความสามารถต่อไป