“หลวงพี่น้ำฝน” ลงพื้นที่ ปิดหนี้ทั้งหมด พร้อมเค้นปมดราม่า “ป้าต๋อยขายไต” ด้วยตนเอง

0
313

หลวงพี่น้ำฝน เช็คละเอียดก่อนช่วยเหลือ “ป้าต๋อยขายไต” เค้นปมดราม่า ติดพนัน-กู้นอกระบบหนัก ผู้นำชุมชนออกมายันไม่มีเรื่องเหล่านี้ จากนั้นเข้าไฟแนนซ์ปิดหนี้รถ เข้าออมสินปิดยอดเงินกู้  เรียกเจ้าหนี้นอกระบบมารับชำระหนี้ ป้องกันเงินรั่วไหล ให้สาบานจะไม่สร้างหนี้อีก ป้าต๋อยสะอื้นหลังหมดหนี้ก้มกราบหลวงพี่น้ำฝนหน้าธนาคารออมสิน ด้วยน้ำตา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันนี้ 14 มิ.ย. 64 พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม พร้อมลูกศิษย์และเจ้าหน้าที่วัด ได้เดินทางไปพบนางธนพร เกิดแป๋ อายุ 64 ปี หรือป้าต๋อย ที่เคยประกาศขายไต ที่บ้านพักในซอยชุมชนวัดใหม่ปิ่นเกลียว ตำบลนครปฐม อำเภอเมืองนครปฐม เพื่อสอบถามหาข้อมูลเบื้องต้น และจะปลดหนี้สินให้ตามที่ได้รับปากไว้ในวันงานอายุวัฒนมงคล อายุครบ 49 ปี หรือวันคล้ายวันเกิดหลวงพี่น้ำฝน ซึ่งจัด ณ วัดไผ่ล้อม พร้อมกับเป็นสะพานบุญเชิญชวนคณะศิษย์ในการร่วมใส่บาตรสำหรับนำมาช่วยปลดหนี้ให้ป้าต๋อย เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ที่ผ่านมา

เมื่อหลวงพี่น้ำฝน เดินทางไปถึงชุมชนได้มีการเข้าพูดคุยกับ นางธรพร หรือป้าต๋อย และลูกสะใภ้ ที่ได้เข้ากราบขอบพระคุณและให้ข้อมูลหลายเรื่องตามที่ได้เกิดประเด็นดราม่า ซึ่งแบ่งความคิดออกเป็นสองฝ่ายโดยมีทั้งเห็นใจสงสาร อีกส่วนก็มีประเด็นในเรื่องการปูดข้อมูลว่า ป้าต๋อยเป็นนักพนันตัวยง ชอบแจ้งจับกลุ่มคนที่ปล่อยเงินนอกระบบหลังจากกู้แล้วไม่ชดใช้ ซึ่งหลวงพี่น้ำฝนได้สอบถามข้อมูลทุกอย่างโดยละเอียดพร้อมกับเชิญผู้นำท้องถิ่นในพื้นที่เข้ามาร่วมให้ข้อมูลในเรื่องดังกล่าว หลังตกเป็นที่สงสัยในชั่วข้าข้ามคืน และเมื่อสอบถามข้อมูลจนเป็นที่เข้าใจ จึงได้วางแนวทางในการช่วยปลดหนี้ให้ครอบครัวป้าต๋อย

จุดแรก หลวงพี่น้ำฝน ได้ให้ลูกศิษย์คนสนิทโทรศัพท์ไปสอบถามกับเจ้าหนี้ที่ปล่อยกู้นอกระบบให้ โดยมียอดจำนวน 10,000  บาท ซึ่งทางเจ้าหนี้ได้บอกว่ามีหนี้สินกับป้าต๋อยจริง โดยจะขอเข้ามารับเงินกับทางศิษย์ของหลวงพี่น้ำฝน ในวันถัดไป จากนั้นได้เดินทางไปยัง สำนักงานย่อย (บริษัทไฟแนนซ์) สาขาอำเภอเมืองนครปฐม โดยได้ปิดยอดรถจักรยานยนต์ ที่ได้มาเข้าไฟแนนซ์ไว้  เป็นเงิน 21,867 บาท และได้ไปที่ธนาคารออมสิน สาขาอำเภอเมืองนครปฐม ซึ่งได้ปิดหนี้ของนางวัชรินทร์ ศรีคล้าย ลูกสะใภ้ จำนวน 7,889.77 บาท ซึ่งได้ครบตามจำนวนที่ได้ประกาศว่าจะปลดหนี้ ภายหลังจากทราบว่าหนี้สินได้รับชำระหมดแล้ว นางธนพรและนางวัชริทร์ ได้ก้มกราบหลวงพี่น้ำฝนทั้งน้ำตา พร้อมกับให้สัญญาว่านับจากนี้จะไม่สร้างหนี้สินที่เพิ่มเติมอีก

นายบรรจง ภู่แก้ว สมาชิกสภาเทศบาลเมืองนครปฐม บอกว่า รู้จักกับครอบครัวนี้มานาน เป็นครอบครัวที่ยากจนจริง โดยทั้ง 7 คนที่อยู่บ้านหลังนี้ยังถือว่าน้อยเพราะเขายังมีญาติอีกหลายคนแต่อยู่รวมกันที่นี่ไม่หมด ก่อนหน้าที่มีประเด็นออกมาประกาศขายไต ตนเองก็ได้เคยช่วยเหลือเงินไปบ้างเหมือนกันกับเพื่อนบ้านที่วนเวียนมาช่วยเหลือคนละเล็กละน้อย ซึ่งต้องยอมรับว่าชุมชนแห่งนี้ส่วนใหญ่จะเป็นคนจนหลายครอบครัว ซึ่งที่อยู่อาศัยก็เป็นที่ของวัดใหม่ปิ่นเกลียว โดยครอบครัวนี้ก็ไม่ได้จ่ายเงินค่าเช่ารายปีเพราะไม่มีเงิน แต่ทุกคนขยันทำงานคือหากินกันวันต่อวัน แต่เมื่อเขาทำโต๊ะจีนแล้วไม่สามารถออกงานได้ก็หมดเงิน นี่เป็นเรื่องจริงว่าเขาลำบาก

สท.บรรจง กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องที่มีคนมาพูดกันต่อปากต่อคำว่านางธนพร ติดพนันโต๊ะบอล หรือการพนันอื่นๆ รวมถึงเรื่องยาเสพติด ในบ้านนี้ไม่มี เพราะตนเองรู้จักมานานแต่ก็มีด้านเสียเหมือนกับคนจนอื่นๆ ทั่วไป บางทีก็มีความไม่น่ารักบ้างเพราะเป็นพื้นคนที่ไม่ได้เรียนมาสูง และยังเคยมีประวัติกู้เงินนอกระบบบ่อยๆ คือกู้เจ้านั้นมาโปะให้เจ้านี้ วนไปมาจนพอกเป็นหนี้เยอะ และมักถูกคนให้กู้มาวนเวียนมาด่าทอ  หรือบางครั้งที่มีคนเล่นไพ่กัน ก็จะมีคนแจ้งให้มาจับ คนถูกแจ้งก็คิดว่าเป็นป้าต๋อย ถึงกับมีการโกรธเคืองกันในละแวกใกล้เคียงซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าป้าต๋อย แจ้งตำรวจหรือเปล่า เขาถึงได้โกรธแค้นกัน

“ผมก็ว่าเขาจนจริงๆ ทางนายกเทศบาลเมืองนครปฐมก็ได้เคยสอบถามเรื่องนี้ ผมก็ได้บอกตามความจริงทั้งหมดว่ามีทั้งเรื่องไม่น่ารักบ้าง แต่เรื่องน่าสงสารและต้องช่วยเหลือก็มีมากกว่า เขาเคยคิดจะฆ่าตัวตายหลังครั้งตั้งแต่โควิด-19 ระบาดมาตั้งแต่ระรอกแรก ถ้าเราไม่ช่วยเขาวันนี้ป้าต๋อย อาจจะตายไปแล้วเพราะแกจ้องจะกระโดดหอน้ำหลายครั้งแล้ว ที่สำคัญเมื่อหลายปีก่อนที่แกเคยไปกู้เงินนอกระบบ ก็ยังเคยถูกพวกปล่อยเงินกู้ เผาประตูบ้านหลังนี้เพื่อข่มขู่มาแล้ว” สท.บรรจง กล่าว

ด้าน หลวงพี่น้ำฝน กล่าวว่า วันนี้มาตามสัญญา ซึ่งอาตมาก็คิดว่าการช่วยเหลือเขาก็เพราะเป็นวันเกิดอายุครบ 49 ปี โดยมีศิษย์มาแจ้งเรื่องนี้กับอาตมาจึงรับปากมาช่วย แต่ดูแล้วก็ไม่ได้ลำบากมากกว่าครอบครัวอื่นๆ ที่เคยช่วยเหลือมา แต่ก็คิดว่าการได้ช่วย  1 คน เท่ากับช่วย 7 ชีวิต และคณะศิษย์ก็บอกว่าจะมาร่วมบุญก็จึงได้มา และวันนี้ได้ก็ได้มาสรุปยอดหนี้ เป็นเงินราว 3 หมื่นเศษ แต่อาตมาไม่ได้ให้เขาจับเงิน ขอมาเคลียร์ให้เองทั้งหมด เพราะเคยมีประสบการณ์ มาขอให้ช่วยแต่ก็เอาเงินไปใช้อย่างอื่น ไม่ได้ไปใช้หนี้สิน

หลวงพี่น้ำฝน กล่าวอีกว่า สิ่งที่อาตมาได้มาดู ก็ได้ทราบข้อมูลหลายเรื่องซึ่งได้ให้สาบานว่าจะไม่กลับไปสร้างหนี้ เงินที่มีคนบริจาคมาให้ส่วนหนึ่งก็ได้ให้เป็นทุนรอนไว้สำหรับทำมาหากิน ซึ่งต้องขยันและต่อสู้ต่อไป และจังหวะนี้คือจังหวะที่ดีที่อาตมาก็อยากจะทำบุญพร้อมสนับสนุนให้ได้ลุกขึ้นมายืนอีกครั้ง ซึ่งการจะช่วยแบบนี้ทุกครั้งก็เป็นไปไม่ได้ เพราะพระเองก็ยังได้รับผลกระทบกับโควิด-19 เพียงแต่วัดไผ่ล้อมไม่ได้เคยไปขอความช่วยเหลือใคร และสามารถปรับตัวเองตามสภาพได้ ซึ่งพระก็ลำบากถึงได้เข้าใจ แต่วัดก็ยังเป็นที่พึ่งต่อไปหากโยมต๋อยไม่มีข้าวหรือลำบาก ถ้าอาตมาหรือวัดไผ่ล้อมช่วยได้ก็ยินดีที่จะให้วัดเป็นศูนย์กลางของการปลดทุกข์ให้กับชาวบ้าน

*****************************************************************