“หลวงพี่น้ำฝน” นำคณะสงฆ์ช่วยหมอ ผู้สูงวัยสู้ภัยโควิด ย้ำพระสงฆ์ต้องเป็นกำลังใจญาติโยมยามวิกฤติ

0
331

วันที่ 29 ธันวาคม 2563 ผู้สื่อข่าวเดินทางมาที่คลินิกหมอครอบครัว โรงพยาบาลนครปฐม ซึ่งตั้งอยู่ภายในวัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม โดยมีประชาชนที่ส่วนมากเป็นผู้สูงอายุ ที่อาศัยในพื้นเขตอำเภอเมืองนครปฐม เดินทางเข้ามารับการตรวจเลือดและรับยาจากหน่วยแพทย์ที่มาตั้งศูนย์บริการซึ่งโรงพยาบาลนครปฐม ได้ขอใช้สถานที่วัดไผ่ล้อม เป็นที่ตั้งหน่วยการบริการทางการแพทย์ให้กับประชาชน  “คลินิกหมอครอบครัว” สาขาวัดไผ่ล้อม เนื่องจากสถานที่ภายในโรงพยาบาลนครปฐมเริ่มจะไม่เพียงพอต่อการรองรับผู้ป่วยที่เริ่มจะมีมากขึ้นทุกวัน และจากสถานการณ์ล่าสุด จังหวัดนครปฐมมีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เพิ่มขึ้น จนถึงขณะนี้มีผู้ติดเชื้อรวมแล้วเกือบ 60 ราย โดยมีแนวโน้มที่จะตรวจพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก

ทั้งนี้ปัญหาดังกล่าว โรงพยาบาลนครปฐม ได้มีการโอนผู้ป่วย ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคความดัน เบาหวานและโรคไต ที่จะต้องได้รับการตรวจรักษาและรับยาอย่างต่อเนื่อง ให้มารับบริการที่ คลินิกหมอครอบครัว สาขาวัดไผ่ล้อม โดยหลังจากมีการประกาศหลายฉบับออกมาเพื่อป้องกันไม่ให้มีการรวมตัวของประชาชน มีผู้สูงวัย และผู้ป่วยได้เดินทางมารับบริการที่วัดไผ่ล้อมมากจากเดิมหลายเท่าตัว ซึ่งจุดนี้ทำให้ทีมแพทย์พยาบาลและเจ้าหน้าที่ โรงพยาบาลนครปฐม ต้องมีการทำงานหนักมากขึ้น ประกอบกับต้องมีการจัดทำแผนในการป้องกันไวรัสโควิด-19 ในการเข้ามารับการตรวจ ส่งผลให้กำลังเจ้าหน้าที่เริ่มมีไม่เพียงพอกับการให้บริการ   พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จึงได้ให้พระสงฆ์ สามเณร และเจ้าหน้าที่วัดไผ่ล้อม ช่วยกันตรวจคัดกรองเบื้องต้น คอยช่วยเหลือเข็นรถวิลแชร์ให้ผู้สูงอายุที่เดินไม่ไหว

พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ กล่าวว่า การระบาดระลอกใหม่ของไวรัสโควิด-19 ครั้งนี้ถือว่ารุนแรงมากและมีผู้ติดเชื้อหลายคน ซึ่งตอนนี้ทางวัดไผ่ล้อมได้อนุเคราะห์ให้ใช้สถานที่ในการดูแลรับการตรวจเลือดให้กับผู้ป่วยโรคความดัน เบาหวานและโรคไต ซึ่งตอนนี้ทางโรงพยาบาลนครปฐม มีมาตรการในการป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งจะลดจำนวนผู้ไปเยี่ยมคนไข้และรับการรักษาบางอย่างที่ไม่จำเป็นเร่งด่วน ทำให้การเข้าไปรวมตัวจำนวนมากลดลงในอาคารสถานที่ โดยในวันนี้ทราบว่ามีผู้ป่วยที่ถูกถ่ายโอนมาที่คลินิกหมอครอบครัว สาขาวัดไผ่ล้อม วันหนึ่งจากประมาณ 100 กว่าคน เพิ่มขึ้นเป็น 300 กว่าคน ซึ่งเมื่อเข้ามาตรวจดูพบว่าเจ้าหน้าที่เริ่มมีไม่เพียงพอเพราะต้องมีการวางมาตรการการคัดกรอง ตรวจวัดไข้ หาผู้เสี่ยงที่จะมีเชื้อไวรัส เข้ามาในพื้นที่อย่างละเอียด และเป็นไปอย่างเข้มข้น

หลวงพี่น้ำฝน ยังกล่าวอีกว่า เมื่อเห็นว่าทางเจ้าหน้าที่และผู้ป่วยนั้นเริ่มประสบปัญหา ทางวัดไผ่ล้อมจึงระดมกำลังคณะสงฆ์และเจ้าหน้าที่วัดมาช่วยในการคัดกรองผู้ป่วยและการบริการต่างๆ ให้เกิดความสะดวกคล่องตัวมากขึ้น ทั้งการตรวจวัดไข้ การกำชับให้สวมแมส ก่อนเข้ามาในพื้นที่ การล้างมือด้วยเจลหรือแอลกอฮอล์ โดยพระสงฆ์ได้พร้อมใจกันปรับการใช้กิจวัตรมาช่วยเหลือประชาชนในยามที่เกิดขึ้นปัญหาเพราะถือว่านี่คือช่วงเริ่มต้นเท่านั้น การช่วยเหลือประชาชนจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก นอกจากจะให้สถานที่แล้วพระก็มีหน้าที่ในการช่วยเหลือสังคม นั่นคืองานด้านสาธารณสงเคราะห์ นี่ก็เป็นอีกงานหนึ่งที่อยู่ในกิจของสงฆ์ อะไรที่ช่วยเหลือญาติโยมได้ก็คืองานของพระ เป็นสิ่งที่พระสงฆ์หากทำได้ก็ควรทำในยามบ้านเมืองไม่ปกติ

“วันนี้คณะสงฆ์พร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชน และกำลังใจของทีมแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ และประชาชนคือสิ่งที่สำคัญมากที่จะพาให้ผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปได้ อะไรที่วัด พระ ช่วยเหลือประชาชนเป็นสิ่งที่ดีที่ต้องทำ ซึ่งทางวัดได้มีการประชุมกันเพื่อที่จะทำงานให้กับประชาชนตลอดในช่วงนี้ และอาตมาก็ได้กำชับทุกคนในวัดว่า อะไรที่เป็นขวัญกำลังใจให้กับพี่น้องประชาชน และการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขของพี่น้องประชาชนได้ จะต้องทำให้เกิดขึ้น โดยเฉพาะในยามนี้” หลวงพี่น้ำฝน กล่าว