“สวดเผาฟรี” บ้านหลังสุดท้าย ตามปณิธานหลวงพ่อพูล

0
439

“สวดเผาฟรี” บ้านหลังสุดท้าย ตามปณิธานหลวงพ่อพูล

              

เจริญพรญาติโยมผู้อ่านทุกท่าน จุดไฟในใจคนฉบับที่แล้ว อาตมาได้เล่าถึงการฌาปนกิจร่างผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ที่ฌาปนสถานวัดไผ่ล้อมไป ทำให้อาตมาอยากจะถ่ายทอดงานสาธารณสงเคราะห์ที่วัดไผ่ล้อม จังหวัดนครปฐม ซึ่งทำอยู่เป็นประจำตั้งแต่สมัยพระเดชพระคุณหลวงพ่อพูล อตฺตรกฺโข ยังมีชีวิตอยู่  คือการสวด-เผาศพฟรีที่วัดไผ่ล้อม ภายใต้การดูแลของกองทุนหลวงพ่อพูล

มนุษย์เรานี้เกิดมาก็ต้องตาย ตายแล้วไปไหนไม่มีใครกลับมาบอก แต่ก็เป็นหน้าที่ของคนที่อยู่เบื้องหลังที่จะต้องจัดการส่งผู้วายชนม์ไปสู่โลกหน้า มนุษย์ตั้งแต่โบราณที่ยังไม่ได้มีอารยะธรรมอะไรซับซ้อนก็รู้จักจัดงานศพ ตั้งแต่ยุคหินดึกดำบรรพ์ก็เอาร่างมาฝัง เอาข้าวของเครื่องใช้มาใส่ลงไปกับศพ ฝังกลบเป็นสุสาน พอต่อมาก็มีร้องรำทำเพลง จัดพิธีต่าง ๆ มากขึ้น จนเมืองไทยเรารับศาสนาพุทธมา เราก็มีการสวดศพ เผาศพ นำกระดูกไปเก็บรักษา นำอังคารไปลอย อย่างที่เราปฏิบัติกันอยู่ในปัจจุบันนี้ ซึ่งจะว่าไปแล้ว คนไทยเรานั้นมีงานศพที่มีรายละเอียดมากมาย ตั้งแต่การอาบน้ำศพ การบรรจุศพลงหีบ การสวดศพ ไปจนถึงการเผาศพ แต่ก่อนมาอาจจะไม่ใช่ปัญหาเพราะแต่ก่อนเมื่อมีคนตาย คนในชุมชนก็ร่วมแรงกันลงแขกจัดงานศพหลายวันหลายคืนจนท้ายสุดก็นำร่างไปเผายังป่าช้า จนเป็นที่มาว่าทำไมงานศพต้องมีความบันเทิง ต้องสนุกสนาน มีละครฟ้อนรำไปจนถึงวงไพ่ไฮโล เรื่องตายสำหรับคนไทยนี้เป็นเรื่องใหญ่ แต่พอยุคสมัยเปลี่ยนไป สังคมเปลี่ยนไป สิ่งเหล่านี้อาจทำให้งานศพหนึ่งงานนั้นมีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก บางวัดนั้นจัดทีต้องเตรียมเงินเป็นหมื่นเป็นแสน ทำให้เกิดสำนวนขึ้นมาว่า คนตายขายคนเป็น เพราะคนเป็นต้องจ่ายเงินทำงานศพให้คนตายจนกระเป๋าแบนเลยทีเดียว แล้วคนที่มีรายได้น้อยล่ะจะทำอย่างไร แค่นำร่างออกมาบำเพ็ญกุศลก็ต้องเจอค่าหีบศพแล้ว ไม่ต่ำกว่าสองพันบาท เงินใส่ซองถวายพระ ค่าของไทยธรรม ค่าผ้าไตร ค่าศาลา ค่าดอกไม้ ไปจนถึงค่าน้ำมันเผาศพ ค่าลอยอังคาร ค่าบริการสัปเหร่อ รวม ๆ กันแล้วเรียกว่าหลายหมื่นบาท ถ้ามีรายละเอียดเพิ่มเติมอีกก็อาจจะมากกว่านั้น ซึ่งย่อมเป็นปัญหาแน่สำหรับผู้ที่มีรายได้ไม่มากนัก

จากปัญหาเหล่านี้ ทำให้พระเดชพระคุณ หลวงพ่อพูล อตฺตรกฺโข และอาตมาผู้เป็นศิษย์ พร้อมด้วยคณะสงฆ์วัดไผ่ล้อม ได้จัดโครงการสวด-เผาฟรีที่วัดไผ่ล้อม โดยจะรับจัดพิธีศพตั้งแต่การสวดพระอภิธรรม ไปจนถึงการฌาปนกิจโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ถือเป็นงานสาธารณสงเคราะห์ที่จะช่วยเหลือญาติโยมที่อาจจะขัดสนเงินทองค่าทำศพให้ได้จัดงานศพครบตามประเพณี เป็นการส่งผู้วายชนม์ไปสู่สุคติเป็นครั้งสุดท้าย ดุจบ้านหลังสุดท้าย ก่อนจะจากลา มาจนถึงบัดนี้ วัดไผ่ล้อมก็ยังคงปฏิบัติเช่นเดิม ยังคงรับจัดพิธีศพโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ภายใต้ความดูแลของกองทุนหลวงพ่อพูล ฟรีตั้งแต่ค่าโลงศพ ค่าศาลา ค่าซองถวายพระ ไปจนถึงค่าเผาศพ น้ำมัน 80 ลิตร ไม่ต้องเสียแต่อย่างใด อีกทั้งยังมีฌาปนสถานใหม่ ศาลาใหม่ สะอาดเรียบร้อยเพื่อการนี้ด้วย

นอกจากเรื่องสวด-เผาฟรีแล้ว การสวดพระอภิธรรมศพที่วัดไผ่ล้อม ยังมีเอกลักษณ์พิเศษ คือ การสวดแปล เนื่องจากการสวดพระอภิธรรมศพโดยทั่วไปนั้น จะสวดเป็นภาษาบาลีเป็นหัวข้อธรรม ตั้งแต่บทพระสังคิณี กุสลา ธัมมา ไปจนถึงบทปัฏฐานว่า เหตุปัจจโย ถ้าไม่ใช่คนที่รู้ หรือแปลได้ ก็ย่อมไม่รู้ความหมายทั้งที่เป็นพระอภิธรรม เป็นแก่นแห่งพุทธศาสนาแท้ ๆ ถือเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย สวดคืนละสามสี่จบ คนมางานก็ฟังไม่รู้เรื่อง รู้แต่ว่า พอพระจับตาลปัตรก็ยกมือพนม พอพระขึ้น เหตุปัจจโย ก็เตรียมเอามือลง พอครบกี่จบก็รอกินข้าวต้ม อันนี้ถือว่าไม่ได้ประโยชน์อะไรในทางปัญญา เพราะคนโดยทั่วไปไม่รู้ภาษาบาลี ได้แต่พนมมือ ฉะนั้นวัดไผ่ล้อมจึงได้นำความจากพระอภิธรรมนั้นมาเรียบเรียงใหม่เป็นภาษาไทย ให้มีถ้อยความเรียบง่าย นำมาสวดหลังจากที่ได้สวดพระอภิธรรมเป็นภาษาบาลีตามธรรมเนียม เพื่อที่เราจะได้สังวรกายใจ ให้ได้อะไรกลับไปจากงานศพบ้าง

พระอภิธรรมนี้ เป็นส่วนที่สามของพระไตรปิฎก ซึ่งมีพระวินัย พระสูตร และพระอภิธรรม พระอภิธรรมเป็นวิชาการเน้น ๆ เป็นหลักศาสนา หลักปรัชญา หลักธรรมโดยแท้ ผู้ที่ได้ยิน ได้ฟัง ได้อ่าน ก็จะมีอานิสงส์มาก อาตมาได้ดำริให้แปลเนื้อหาเหล่านี้ เรียกว่าบทสวดพระอภิธรรมมงคลคาถา แล้วสวดในการสวดพระอภิธรรมศพที่วัดไผ่ล้อม บทสวดนั้นก็เป็นการสวดด้วยทำนองสรภัญญะ เป็นทำนองที่มีมาแต่โบราณ โบราณใช้ในการสวดคำฉันท์ต่าง ๆ หรือปัจจุบันเราก็มักจะได้สวดที่โรงเรียน บทว่า องค์ใดพระสัมพุทธ ถือเป็นทำนองที่ประณีต มีความไพเราะ นิยมใช้สวดบูชาพระรัตนตรัย และผู้มีพระคุณ ผู้มางานสวดพระอภิธรรมศพที่วัดไผ่ล้อม ก็จะได้สดับรับฟังธรรมอันสำคัญ และงดงามด้วยฉันทลักษณ์ งดงามทั้งสำเนียงด้วย เมื่อได้ยินแล้วก็จะเกิดมงคล ตามชื่อของคาถา เพราะถือว่าได้เจริญปัญญา ได้เห็นสัจธรรม เกิดสัมมาทิฐิขึ้น

อาตมาจึงขออนุโมทนาแก่ญาติโยมทุกท่านที่เคยได้ทำบุญกับวัดไผ่ล้อม จังหวัดนครปฐม เพราะเงินทำบุญของท่านนั้น ได้เข้ามายังกองทุนหลวงพ่อพูล เพื่อการสาธารณสงเคราะห์ต่าง ๆ ทั้งการศึกษา การต่อต้านยาเสพติด และการฌาปนกิจสงเคราะห์ อันจะเป็นประโยชน์แก่ผู้คนหมู่มาก ถือเป็นบุญอันยิ่งแล้ว ขอเจริญพร