เมื่อวันที่ 16 มีนาคม นายกฤษศญพงษ์ ศิริ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม(ปลัด วธ.) เปิดเผยว่า ด้วยกระแสความนิยมของละครบุพเพสันนิวาสขณะนี้ ทำให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติเดินทางไปจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อเยี่ยมชมสถานที่สำคัญที่ปรากฏในละคร อาทิ วัด แหล่งโบราณสถานต่างๆ ดังนั้น เพื่อเป็นการรองรับนักท่องเที่ยวทั้งในช่วงวันหยุดและวันธรรมดา จึงประสานไปยังสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด (สวจ.) พระนครศรีอยุธยา ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องประสานเครือข่ายทางวัฒนธรรม สภาวัฒนธรรม พร้อมเป็นเจ้าบ้านที่ดีคอยให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ รวมไปถึงคอยต้อนรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้าร่วมกิจกรรมของกระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมศิลปากร “ชวนออเจ้า นุ่งโจง ห่มสไบไปบ้านพี่หมื่น” เรียนรู้ประวัติศาสตร์ ภาษา และวรรณกรรมสมัยอยุธยา เยี่ยมชมโบราณสถานตามรอยนวนิยายบุพเพสันนิวาส ณ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในวันที่ 17-18 มีนาคม 2561 นี้ด้วย
หน้าแรก
ข่าวศิลปวัฒนธรรม สวจ.อยุธยา ชวนเครือข่ายเป็นเจ้าบ้านที่ดี ต้อนรับนักท่องเที่ยวตามรอยละครดัง บุพเพสันนิวาส
ข่าวใหม่ประจำวันนี้
“หลวงพี่น้ำฝน”ลั่น!! ศาสนาไม่ใช่ที่ทำ คอนเทนท์ เข้าไปสานสัมพันธ์พระวัดจันทร์ใน แต่มีบางคนไม่อยากให้เรื่องจบ
“หลวงพี่น้ำฝน” ยกการ์ด บอก อัพ ทู โยม ทนายอนันตชัย เผยเรื่องวัดจันทร์ในกำลังจะเริ่มสานสัมพันธ์ให้จบ มีหลักฐานการพูดคุยกับพระ 12 รูป ในการน้อมรับปฏิบัติภายใต้กฎระเบียบของเจ้าอาวาสไว้แล้ว พร้อมได้พูดคุยกับเจ้าอาวาสแล้วด้วย แต่พอแถลงข่าวกลับมาเป็นคนละเรื่อง ชี้เข้าไปเพื่อระงับปัญหาให้จบเพื่อความสงบ กลับถูกสวนเข้าไปบงการเรื่องวุ่นวาย ถามกลับใครกันแน่ไม่อยากให้เรื่องจบ และชี้ศาสนาไม่ใช่ที่ทำคอนเทนท์ และบางคนติดหลงในตัวเองเป็นศูนย์กลางความถูกต้อง ส่วนคนที่ให้ข้อมูลมีมาเฟียพระบงการเรื่องนี้ ถือว่าชั่วช้ามาก เพราะตั้งใจไปช่วยให้จบปัญหา แต่มีคนไม่อยากให้จบ
เมื่อวันที่ 19...
วธ.จัดพิธีบวงสรวงเทพยดา งาน “ใต้ร่มพระบารมี 242 ปี กรุงรัตนโกสินทร์”
วันนี้ (19 เมษายน 2567) เวลา 08.19 น.นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) เป็นประธานในพิธีบวงสรวงเทพยดา งาน “ใต้ร่มพระบารมี 242 ปี กรุงรัตนโกสินทร์” โดยมี พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ เป็นพราหมณ์ประกอบพิธีบวงสรวง พร้อมด้วยนางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม และผู้แทนหน่วยงานต่างๆ...
พระภิกษุผู้ต้องอาบัติปาราชิกแล้ว = เปิดประตูก้าวลงไปสู่อบายสถานเดียว
มีคำถามว่า พระภิกษุต้องอาบัติปาราชิกแล้ว ยังมีโอกาสได้บรรลุมรรค ผล นิพพานในชาตินี้ อยู่อีกหรือไม่?
. คำถามนี้ตอบยาก และเป็นที่ถกเถียงกันมาตลอด เพราะการบรรลุมรรค ผล นิพพาน ถือเป็นนิสัยวาสนาของแต่ละบุคคลที่สั่งสมมาไม่เท่าเทียมกัน มีแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าเท่านั้น ที่จะพยากรณ์ปัญหานี้ได้อย่างแจ้งชัด เราเพียงวินิจฉัยไปตามพระธรรมวินัยด้วยเหตุอันควรเท่านั้น ผู้อ่านไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับเรา
ขอแยกประเด็นคำถามดังนี้ :-
๑. ต้องอาบัติปาราชิกแล้ว แต่ยังครองผ้าเหลืองดำรงตนเป็นพระภิกษุ ยังร่วมลงอุโบสถสังฆกรรมหลอกลวงคนอื่นอย่างไม่ละอายแก่ใจ ไม่ยอมสละสมณเพศ ประเภทนี้ตายแล้วก็ไปอบายสถานเดียว
๒. ต้องอาบัติปาราชิกแล้ว ยอมรับความผิดสละสมณเพศไปเป็นคฤหัสถ์ดำรงชีวิตเยี่ยงฆราวาสที่ดีทั่วไป...