X

“สมเด็จพระสังฆราช” ทรงชี้วิถีทางอบรมจิตใจ ให้สำรวจจิตใจตน โลภ โกรธ หลง ประดุจศรที่ยังคดงอ

วันนี้ (14 ก.พ.2562) ที่มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย(มมร.) ศาลายา จ.นครปฐม มีการจัดงานวันมาฆบูชา “หัวใจพระพุทธศาสนา หัวใจประชาชาวไทย ปีที่ 3” โดยมีพระพรหมมุนี (สุชิน อคฺคชิโน) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธฯ กรรมการมหาเถรสมาคม(มส.) อุปนายกสภามมร. เป็นประธาน พร้อมกันนี้สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (อัมพร อมฺพโร) ได้ประทานพระคติธรรม เนื่องในงานดังกล่าว ใจความว่า สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงสั่งสอนพุทธบริษัทให้ตระหนักถึงคุณค่าของการพัฒนาจิตใจว่า “คนมีปัญญา ทำจิตที่ดิ้นรน กวัดแกว่ง รักษายาก ให้ตรงได้ เหมือนช่างศรทำลูกศรให้ตรงได้”

ฉะนั้นการอบรมจิตใจให้ถึงความเป็นบัณฑิตผู้เจริญด้วยสติปัญญา ย่อมเป็นวิถีทางของการเป็นพุทธศาสนิกชน แต่หนทางที่จะก้าวไปสู่ความเป็นบัณฑิต จำต้องอาศัยการศึกษาพระธรรมเป็นหนทางสายเอก ด้วยอำนาจพระมหากรุณา จึงประทานโอวาทปาฏิโมกข์เป็นบทสรุปวิถีทางอบรมจิตใจของพุทธบริษัทไว้ 3 ประการ กล่าวคือ ทำความดี ละเว้นความชั่ว และชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ ดังที่เรียกว่า หัวใจของพระพุทธศาสนา เนื่องในดิถีมาฆบูชา ขอพุทธบริษัททุกหมู่เหล่า ใช้โอกาสนี้ เร่งสำรวจตนเองว่าจิตใจของตน ยังดิ้นรน กวัดแกว่ง ห้ามยาก ด้วยอำนาจแห่งความโลภ ความโกรธ และความหลง อันเปรียบประดุจศรที่ยังคดงอ ประการใดบ้าง เมื่อพบแล้ว จงหันมาเอาใจใส่ ศึกษาปริยัติธรรม ชำระจิตใจ ให้สะอาด ผ่องแผ้ว จนยกระดับสู่ขั้นปฏิบัติธรรม เปรียบประดุจการทำลูกศรให้ตรง นำไปสู่การบรรลุถึงปฏิเวธธรรมอันเป็นเป้าประสงค์ได้สมมโนปณิธาน

นอกจากนี้ในงานดังกล่าวยังมีการเจริญพระพุทธมนต์จากพระภิกษุสามเณร 1,250 รูป ซึ่งเป็นจำนวนเท่ากับเหตุการณ์ในสมัยพุทธกาลที่ทำให้เกิดเป็นวันมาฆบูชา คือ มีพระภิกษุ 1,250 รูป มาประชุมกันโดยมิได้นัดหมาย ที่วัดเวฬุวัน ประเทศอินเดีย เพื่อเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า และพระองค์ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ ซึ่งเป็นหลักหัวใจของพระพุทธศาสนาด้วย

…………………………………………………………………………………………………………

 

 

 

thairnews: