วัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม ให้เมตตาอนุเคราะห์ศพโควิดรายที่ 7 “หลวงพี่น้ำฝน” เตือนระวังดีกว่าแก้ แย่จะแก้ไม่ทัน

0
461

เมื่อเวลา 13.00 น.วันนี้ (24 เมษายน 2564) ที่ฌาปนสถานวัดไผ่ล้อม อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม เป็นประธานในพิธีฌาปนกิจศพ นายสุรพล นกพึ่ง อายุ 62 ปี มีอาชีพเป็นดีเจเปิดเพลงตามร้านคาราโอเกะ ซึ่งได้ติดเชื้อโควิด-19 โดยเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลเลิศสิน กรุงเทพมหานคร และเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยทางญาติได้ติดต่อขอความอนุเคราะห์มายังวัดไผ่ล้อมในการนำศพมาทำพิธีฌาปนกิจอย่างเรียบง่าย โดยมีนางยุวดี ฤทธิเลิศ อายุ 56 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต พร้อมด้วยบุตรและญาติจำนวน 5 คน มาร่วมพิธีด้วยความเศร้าโศก

นางยุวดี ภรรยาของผู้เสียชีวิตซึ่งไม่ได้พักอยู่ด้วยกัน กล่าวว่า หลายวันก่อนทราบข่าวว่าสามีเริ่มมีอาการป่วย เจ็บคอ ท้องเสียและมีไข้สูง ตนจึงบอกให้ไปพบแพทย์เนื่องจากผู้เสียชีวิตทำงานอยู่ในร้านคาราโอเกะซึ่งเป็นสถานที่เสี่ยง แต่ไม่ได้ไป ได้เพียงแต่กินยาบรรเทาอาการ หลังจากนั้นช่วง 3-4 วันถัดมา สามีเริ่มมีอาการหายใจไม่ออก จึงให้เพื่อนของตนพาไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลแห่งแรก ทางโรงพยาบาลเพียงแค่ซักประวัติ และให้สามีกลับบ้านเนื่องจากไม่ได้เป็นอะไรมาก และไม่ทราบว่าเป็นอะไร จากนั้นจึงได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลแห่งที่ 2 แต่สามีเริ่มมีอาการไม่ไหวเนื่องจากอาการหายใจไม่ออก เมื่อถึงโรงพยาบาลแล้วแพทย์สั่งทำอัลตร้าซาวน์ แล้วแจ้งว่าสามีว่าไม่ได้เป็นอะไร จึงให้ยามาทานและกลับบ้าน

นางยุวดี กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นสามีได้โทรหาตนว่าไม่ไหวแล้ว เนื่องจากหายใจไม่ออกและอาการเริ่มทวีมากขึ้น จึงได้ให้ลูกสาวไปหาพบว่าคุณพ่อมีอาการหายใจไม่ออก ถ่ายท้อง จึงได้โทรศัพท์เรียกรถมูลนิธิมารับตัวคุณพ่อไป ทางมูลนิธิสันนิฐานว่าอาจติดเชื้อโควิด-19 จึงได้นำส่งไปยังโรงพยาบาลเลิศสิน กรุงเทพฯ ทางโรงพยาบาลจึงได้ทำการตรวจและผลออกมาว่าคุณพ่อติดเชื้อโควิด-19 จะต้องทำการเจาะคอเพื่อใส่ท่อหายใจ และตัวคุณพ่อเองก็มีโรคไตอยู่แล้ว ทำให้อาการรุนแรงเพิ่มยิ่งขึ้น

นางยุวดีกล่าวกับผู้สื่อข่าวด้วยว่า ในวันที่สองที่มานอนโรงพยาบาล คุณหมอแจ้งว่าคุณพ่อมีอาการที่ดีขึ้น หายใจได้ดีขึ้น แต่จะต้องทำการฟอกไต แต่ก็จะมีความเสี่ยงสูงมาก จึงให้ทางครอบครัวทำใจไว้ล่วงหน้า จนเช้ามืดวันถัดมาทางโรงพยาบาลโทรมาแจ้งข่าวร้ายว่าสามีได้เสียชีวิตแล้วด้วยอาการติดเชื้อโควิด-19 ส่วนลูกสาวที่เดินทางไปดูแลคุณพ่อได้ทำการกักตัวตามขั้นตอน จากนั้นตนได้ให้ลูกชายช่วยหาวัดที่สามารถนำศพที่เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ไปฌาปนกิจได้บนอินเตอร์เน็ต จึงพบว่าวัดไผ่ล้อมมีการจัดการฌาปนกิจศพจากโรคดังกล่าว จึงได้นำร่างมาทำการฌาปนกิจที่วัดแห่งนี้

ในขณะที่นายชาตรี ม่วงน้อย อายุ 54 ปี ผู้ขับรถตู้ขนส่งหีบศพ กล่าวว่า ตนได้รับงานจากทางโรงพยาบาลเลิศสิน ให้ขนย้ายร่างผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 แต่ทางโรงพยาบาลไม่แจ้งกับตนเลยว่าเป็นศพผู้ติดเชื้อ ตนจึงไม่ได้มีการแต่งชุดป้องกันอะไรเลย ซึ่งเป็นการเสี่ยงอย่างยิ่งทำให้พวกตนที่มาด้วยกัน4 คน กับพระสงฆ์อีก 1รูป ไม่สบายใจ

ด้านพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า การเผาศพผู้ติดเชื้อโควิด-19 นั้นไม่ใช่เรื่องน่ากลัว เพราะโรงพยาบาลทำการห่อหุ้มร่างผู้เสียชีวิตถึง 3 ชั้น และใส่ในโลงปิดทึบอีก 1 ชั้น แล้วยังมีการพ่นฆ่าเชื้อก่อนที่จะทำการเคลื่อนย้ายเข้าสู่เตาเผา ทางวัดได้ให้ความอนุเคราะห์เป็นศพที่ 7 แล้ว จึงไม่มีอะไรที่จะต้องกลัว แม้ว่าไม่อยากจะจัดพิธีเช่นนี้บ่อยครั้งนัก เพราะไม่อยากให้เกิดการสูญเสีย แต่ก็เป็นไปตามสัจธรรมของมนุษย์ จึงขอเป็นกำลังใจให้กับญาติโยมที่กำลังต่อสู้กับโรคร้ายนี้ให้ผ่านพ้นไปได้ในเร็ววัน ขอให้ระมัดระวังตัวไว้ดีกว่าแก้ แย่จะแก้ไม่ทัน