“วรกร” บุกถาม ผอ.พศ. ใช้กม.ใดออกหนังสือการเงินการบัญชีของวัด ไม่ได้พบออกอาการขู่จะร้องกองปราบเอาผิด 157

0
1102

เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. เวลา 13.00 น. ที่อาคารที่ทำการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม  กลุ่มเครือข่ายทนายและประชาชนปกป้องพระพุทธศาสนา นำโดยนายวรกร พงศ์ธนากุล ประธานเครือข่ายทนายและประชาชนปกป้องพระพุทธศาสนา  ได้มายืนหนังสือถึง พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(ผอ.พศ.) สอบถามกรณีการออกหนังสือที่ พศ.0001/06036 เกี่ยวกับการจัดการด้านการเงินและบัญชีวัด  กรณีพระภิกษุสงฆ์ มิต้องถือเงินสด แต่จะนำเงินเข้าบัญชีส่วนกลางของวัดทันทีเมื่อได้รับว่า ทางพศ.ใช้อำนาจตามกฎหมายใดออกหนังสือดังกล่าว โดยทางพ.ต.ท.พงศ์พร ได้มอบหมายให้นายสิปป์บวร แก้วงาม ผอ.สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม เป็นผู้แทนรับมอบ ทั้งนี้โดยระหว่างส่งมอบหนังสือขอตรวจสอบคำสั่งดังกล่าวทางเครือข่ายพยายามสอบถามต่อผู้แทนพศ. ถึงกรณีการออกหนังสือดังกล่าวว่า ใช้อำนาจตามกฎหมายใดออกหนังสือฉบับนี้  จนเกิดการโต้เถียงอยู่พักใหญ่ ซึ่งทางผู้แทนพศ. ก็ปฏิเสธที่จะให้คำตอบ กล่าวเพียงว่า ได้รับหน้าที่มาเพียงรับหนังสือดังกล่าวเท่านั้น ผู้ที่มีอำนาจตอบคำถาม คือ ผอ.พศ.  จากนี้ทางพศ.จะทำหนังสือชี้แจงมาเป็นลายลักษณ์อักษรต่อเครือข่ายฯตามระบบราชการ โดยจะดำเนินการให้เร็วที่สุด

นายวรกร  กล่าวว่า เครือข่ายทนายและประชาชนปกป้องพระพุทธศาสนา ต้องการมาสอบถามผอ.พศ. ว่า การออกหนังสือดังกล่าวนั้นใช้อำนาจตามกฎหมายข้อใดในการออกคำสั่งดังกล่าว  เนื่องจากประชาชนและพระภิกษุสงฆ์สับสนว่า ใช้อำนาจอะไรในการออกคำสั่งนี้ เป็นการลุแก่อำนาจหรือไม่ ซึ่งตนได้พยายามสอบถามว่า ใช้อำนาจตามกฎหมายและระเบียบใดในการออกคำสั่งนี้  แต่ก็ไม่ได้คำตอบ เมื่อไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน ดังนั้น ในวันที่ 13 มิถุนายน 2561 เวลา 09.30 น. ตนพร้อมกลับเครือข่าย จะไปร้องต่อกองปราบปรามเพื่อเอาผิด พ.ต.ท.พงศ์พร ผอ.พศ. ในความผิดฐานมาตรา 157  เนื่องจากออกหนังสือโดยไม่มีอำนาจ  ซึ่งตนได้ทำตามขั้นตอนแล้ว โดยได้มาขอคำชี้แจ้งต่อผอ.พศ. แต่ก็ไม่มีใครชี้แจงได้ เมื่อมาขอชี้แจงแล้ว ไม่มีคำตอบ ไม่มีใครชี้แจง แสดงว่าไม่มีอำนาจในการออกหนังสือ ถือว่า ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จึงขอยืนยันว่า จะไปฟ้องมาตรา 157 ผอ.พศ.

“นอกจากนี้ผมมาสอบถามถึงกรณีข้าราชการที่รับเงินทอนวัด แต่ทำไมยังไม่มีใครได้รับโทษทางอาญา เห็นมีแต่พระภิกษุสงฆ์ที่โดนคดีอาญาดังกล่าว ซึ่งเป็นสิ่งที่ประชาชนอยากเห็นก็คือ  การดำเนินการกับข้าราชการที่รับเงินทอน หากทางผอ.พศ.ไม่ดำเนินการ ก็ถือว่า ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ แล้วทำไม ไม่กันพระให้เป็นพยาน ทั้งที่ต้นทางของเรื่องเงินทอนวัด เกิดจากเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ แต่สุดท้าย พระภิกษุสงฆ์กลับต้องมารับโทษทางคดีอาญา ซึ่งขณะนี้เรามีกลุ่มทนายมากกว่า 100 คน รวมตัวที่จะช่วยเหลือพระภิกษุและวัดที่ถูกดำเนินคดีดังกล่าวแล้ว และครั้งนี้ผมมาในฐานะลูกผู้ชาย อยากที่จะมาพบผอ.พศ.โดยตรง เพื่อจะสอบถามให้กระจ่าง  แต่ทำไมไม่กล้าลงมาหาผม และผมก็ไม่ได้รับคำตอบใดๆ ทำให้ผมต้องไปยืนร้องกองปราบเอาผิดผอ.พศ.มาตรา 157 ต่อไป ”  นายวรกร กล่าว