นายกฤษศญพงษ์ ศิริ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม(ปลัด วธ.) เป็นประธานเปิดโครงการวัฒนธรรมเชื่อมใจชายแดนใต้สันติสุข วิถีตานี วิถีอาเซียน การจัดนิทรรศการ “กริชาภรณ์” ณ โรงแรม ซี.เอส. ปัตตานี จังหวัดปัตตานี โดยมีนายวีรนันทน์ เพ็งจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี และนางศศิเพ็ญ ละม้ายพันธุ์ วัฒนธรรมจังหวัดปัตตานี หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่น ตัวแทนประเทศอาเซียน และประชาชนเข้าร่วม ภายในงานมีการบรรยาย สาธิต และนิทรรศการศิลปะการปักผ้าโบราณอย่างราชสำนักอยุธยา การอบร่ำผ้า แป้งพวง นิทรรศการเครื่องแต่งกายในประวัติศาสตร์ ศิลปะการต่อสู้(ซีลัต) การเดินแบบเครื่องแต่งกาย ๕ มณฑล ๕ รัฐ (มณฑลปัตตานี, นครศรีธรรมราช, ไทรบุรี, ชุมพร, ภูเก็ต/รัฐกลันตัน, ตรังกานู, ปาหัง, เคด้า, ปีนัง และแบบอย่างอยุธยา) รวมทั้งนิทรรศการวัฒนธรรมการใช้โสร่ง นิทรรศการจารีตการแต่งกายตามธรรมเนียมปฏิบัติ และนิทรรศการวัฒนธรรมการแต่งกายในสมัยอยุธยา เป็นต้น
ปลัด วธ. กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) มีนโยบายในการใช้วัฒนธรรมเป็นเครื่องมือสร้างคนเป็นคนดี สังคมปรองดอง สมานฉันท์ สร้างรายได้ให้ชุมชน และสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สร้างภาพลักษณ์เกียรติภูมิของไทยสู่เวทีโลก ทำให้ประชาชนในท้องถิ่นเกิดความภาคภูมิใจ รักและหวงแหนมรดกวัฒนธรรมและมีส่วนร่วมในการสืบสาน ปกป้องคุ้มครองมรดกวัฒนธรรม นำทุนทางวัฒนธรรมมาสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ ยอมรับความแตกต่างหลากหลายทางวัฒนธรรม และสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ ดังนั้นวธ. จึงบูรณาการร่วมกับจังหวัดปัตตานี หน่วยงานภาครัฐ เอกชน ประชาชน และสมาชิกอาเซียน จัดงานนี้ขึ้นเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ รูปแบบการผลิตและการสะสมกริช ส่งเสริมกิจกรรมที่เป็นมรดกร่วมในการสร้างความสัมพันธ์ของอาเซียนเกิดการถ่ายทอดองค์ความรู้ ความเข้าใจและตระหนักเห็นถึงความสำคัญของผ้าปัตตานีส่งเสริม สนับสนุน ฟื้นฟูและอนุรักษ์ ประเพณีวัฒนธรรมการแต่งกายและเพิ่มบทบาทขององค์กรเครือข่ายทางวัฒนธรรมในพื้นที่ งานนี้จึงเป็นงานที่รวมศาสตราวุธและอาภรณ์โบราณระดับอาเซียน และตัวอย่างเครื่องแต่งกายสมัยอยุธยา ตามรอยละครบุพเพสันนิวาสอีกด้วย
ปลัด วธ. กล่าวต่อไปว่า การจัดงาน “กริชาภรณ์” ในครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดียิ่งจากนักวิชาการด้านกริช ผ้าและเครื่องแต่งกายจากประเทศต่างๆ อาทิ ประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม และบรูไน และวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิผู้มีความเชี่ยวชาญในเรื่องโลหะในประเทศไทยเข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก นับเป็นโอกาสอันดีที่นอกจากผู้เข้าร่วมงานจะได้มาร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เรื่องอาวุธโบราณ กริช ผ้า และเครื่องแต่งกายแล้ว ยังได้รับประโยชน์จากความคิดเห็นของทุกฝ่ายรวบรวมเป็นองค์ความรู้เผยแพร่สืบทอดต่อไปด้วย