ร้องสำนักพุทธฯ จี้ตามสอบพระดังชั้น “เจ้าคุณ” ธรรมยุต เสพเมถุน-ใช้เงินวัด หลังชนะคดีศาลฎีกายกฟ้องกรรโชกทรัพย์

0
1213

ให้ตั้งกรรมการสงฆ์ธรรมยุตสอบด้านธรรมวินัย สาวผู้เสียหายยันมีหลักฐานสำคัญ บอกได้จุดตำหนิลับในร่างกายอยู่ตรงไหน รับไม่ได้กับพฤติกรรมลวงชาวบ้านว่าเป็นพระดี หลังออกมาร้องเรียนเจ้าคณะปกครอง แต่กลับถูกทางวัดฟ้องศาลกล่าวหาว่ากรรโชกทรัพย์ สุดท้ายศาลฎีกายกฟ้องเธอชนะคดี

เมื่อวันที่ 13 ส.ค. เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) พุทธมณฑล จ.นครปฐม น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 35 ปี ได้เข้ายื่นหนังสือถึง พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.พศ. เพื่อขอให้ติดตามความคืบหน้าการดำเนินการสอบสวนพระม. เจ้าอาวาสวัดป่าชื่อดัง (พระราชาคณะชั้นสามัญ)  จ.กาฬสินธุ์ โดยมีนายวีระสิทธิ หลงเจริญ นักวิชาการศาสนาชำนาญการ กลุ่มคุ้มครองพระพุทธศาสนา สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม เป็นผู้รับหนังสือ

น.ส.บี กล่าวว่า หลังจากที่ตนได้เคยร้องเรียนเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธรรมยุต) ให้ดำเนินการตรวจสอบพระม. ว่ามีการเสพเมถุนกับสีกามาแล้ว ซึ่งตนเป็นผู้เสียหาย แต่กลับถูกทางวัด ยื่นฟ้องศาลกล่าวหาว่าการดำเนินการของตนเป็นการกระทำเพื่อกรรโชกทรัพย์จากทางวัด และความผิดว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ทางคณะสงฆ์ (ธรรมยุต)  จ.กาฬสินธุ์ ยังไม่ได้มีการดำเนินการสอบสวนทางพระธรรมวินัย เพราะต้องรอให้คดีทางโลกสิ้นสุดลงก่อน จึงจะสามารถดำเนินการสอบสวนทางพระธรรมวินัยต่อได้ โดยทั้ง 2 คดีดังกล่าว ตนได้ต่อสู้เพื่อพิสูจน์ความจริงจนถึงชั้นศาลฎีกาและศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง เท่ากับว่าคดีทางโลกระหว่างตนกับทางพระม.ได้สิ้นสุดลงแล้ว จึงมายื่นหนังสือต่อ ผอ.พศ. เพื่อขอให้ติดตามการดำเนินการทางวินัยสงฆ์ต่อไปด้วย และขอให้ตรวจสอบบัญชีการเงินของวัด เส้นทางการใช้เงินของพระม. โดยหลังจากนี้ตนจะไปยื่นหนังสือยังเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์(ธรรมยุต) และเจ้าคณะภาค 9 (ธรรมยุต) ต่อไป

น.ส.บี กล่าวต่อไปว่า มีผู้หญิงที่ได้รับความเสียหายเช่นเดียวกับตนอีกประมาณ 5 คน แต่ไม่มีใครกล้าออกมาต่อสู้ เพราะเกรงกลัวอิทธิพล เมื่อเห็นว่าตนได้ถูกฟ้องถูกดำเนินคดีหลายข้อหา ขอยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนเป็นเรื่องจริง ตนสามารถบอกได้เลยว่าร่างกายของพระม. มีจุดตำหนิอยู่ตรงไหนบ้างในที่ลับ เหตุการณ์ที่เกิดกับตนเกิดขึ้นเมื่อปี 2554 พระม. ได้โทรศัพท์ให้ตนนำยาแก้แพ้ไปให้ที่กุฏิ ด้วยความที่ครอบครัวตนศรัทธาพระม.กันทั้งครอบครัว อีกทั้งตนก็มาทำบุญที่วัดนี้ตั้งแต่ยังเด็กจึงไม่คิดอะไร นำยาไปให้ จากนั้นพระม.ก็ให้ดื่มน้ำ กินช็อคโกแลต และใช้กำลังบังคับตนจนสำเร็จความใคร่ สังคมอาจจะไม่เชื่อว่าพระสงฆ์ที่มีอายุกว่า 60 ปี จะมีกำลังมากขนาดนั้น แต่ยืนยันว่าพระม. มีร่างกายที่แข็งแรง ร่างสูงใหญ่ หลังจากเกิดเหตุขึ้นมาตนรู้สึกเสียใจมาก สับสนคิดอะไรไม่ออกและไม่คิดว่าพระสงฆ์ที่ชาวบ้านศรัทธาว่าเป็นพระอรหันต์ พระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบจะมีพฤติกรรมแบบนี้ แสดงว่าที่ผ่านมาพระม.โกหกชาวบ้านมาตลอดว่าเป็นพระดี จึงต้องการออกมาเปิดเผยความจริงให้สังคมได้รับรู้ นอกจากนี้ขอให้มีการตรวจสอบการทำบัญชีวัด การเงินของวัด เนื่องจากทราบว่าเงินที่ได้รับจากการทอดกฐินปรากฎต่อสาธารณะตกถึงปีละกว่า 10-60 ล้านบาท และทางวัดมีการใช้เงินจำนวนมากเพื่อมาดำเนินคดีกับตนได้หลายปี

ด้านนายสาโรจน์ กาลศิริศิลป์ ผอ.สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม กล่าวว่า หลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่กลุ่มคุ้มครองพระพุทธศาสนารับเรื่องร้องเรียนแล้ว จะมีการเสนอไปยังผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ในฐานะผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาแจ้งเรื่องไปยังเจ้าคณะผู้ปกครองในพื้นที่พิจารณาดำเนินการต่อไป