ยอดคนตายขยับต่อเนื่อง! ล่าสุดวัดไผ่ล้อม รับเผาศพโควิด-19 วันเดียว 2 ศพ “หลวงพี่น้ำฝน” ย้ำวัดจัดระบบใหม่ ยกการ์ดสูง รับศึก วอนวัดทั่วไทยที่ยังกลัวช่วยโยมเผาศพ

0
354

อึ้ง เหตุวัดไผ่ล้อมรับได้แค่วันละ 2 ศพ พบ 1 ครอบครัวติดเชื้อทั้งหมด 6 คน ต้องให้เพื่อนลูกชายมาเผาศพแทน ย้ำสลดใจอินเดีย ที่ต้องเผาศพกลางแจ้ง แม้ไทยไม่ตายมากแต่วัดและที่เผาศพเพียงพอ อย่าให้เกิดภาพไม่มีที่เผาในอนาคต

เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 29 เมษายน ผ่านมา ที่ศาลาชีวะศิริ ฌาปนสถานวัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม บุตรชายทั้ง 2 ของ นางสาวลัดดา ตันติวิสุทธิธำรง อายุ 61 ปี ชาวกรุงเทพฯ ได้มารอทำพิธีฌาปนกิจศพ หลังจากผู้ตายเสียชีวิตด้วยการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่โรงพยาบาลภูมิพล เมื่อวันที่ 28 เม.ย. โดยพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ได้นำคณะสงฆ์จัดพิธีฌาปนกิจตามกระบวนการเผาศพติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เช่นศพรายอื่นๆ จำนวน 10 รายที่ผ่านมา

บุตรชายของนางสาวลัดดา บอกว่า มารดาติดเชื้อจากน้องชายของตนเอง ซึ่งคาดว่าน่าจะได้รับเชื้อในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา ซึ่งทั้งบ้านตนเองติดเชื้อทั้งหมด 5 คน มีเพียงตนเองที่ไม่ได้ติดเชื้อเพราะไม่ได้พบกับครอบครัวในช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมา ซึ่งนาลัดดานั้นได้รับเชื้อราว 5 วันก็เสียชีวิต โดยที่ไม่ได้มีโรคประจำตัวอะไร ส่วนที่ต้องเลือกวัดไผ่ล้อมเผาศพเพราะเคยสอบถามไปยังวัดอื่นๆในกรุงเทพฯ พบว่ามีคิวเต็มต้องรอ 3 วันถึงได้เข้าพิธี แต่ไม่มีสวดบังสุกุลให้ จึงได้มาที่นี่เพื่อให้จัดพิธีครบกระบวนการตามประเพณีทางศาสนา เพื่อส่งดวงวิญญาณมารดาให้ไปสูภพภูมิที่ดีตามความเชื่อ

ต่อมาเวลา 16.00 น. มีการประสานจากโรงพยาบาลมิตรประชา เพชรเกษม กรุงเทพฯ เพื่อนำร่างของนายเสาร์คำ บุญศรี อายุ 57 ปี ชาวกรุงเทพฯ เพื่อขอทำพิธีฌาปนกิจศพ อีก 1 ราย โดยมีชายหญิงวัยกลางคนเพียง 3 คน มาทำพิธีอย่างเรียบง่าย

ผู้สื่อข่าวถามนายรัฐภูมิ (นามสมมติ) อายุ 30 ปี บอกว่าตนเองเป็นเพื่อนบุตรชายของผู้ตาย ที่มาทำพิธีการแทนเนื่องจากคนในบ้านทั้งหมด 6 คน ติดเชื้อทั้งหมด และกำลังอยู่ในระหว่างรักษาตัวในโรงพยาบาล ไม่มีใครออกมาทำพิธีได้ ตนเองจึงได้มาเป็นตัวแทนทำพิธีให้ ซึ่งนายเสาร์คำ นั้นเพิ่งเสียชีวิตเมื่อเช้านี้ เวลา 09.30 น. จึงจำเป็นต้องจัดพิธีอย่างรวบรัด และเห็นใจครอบครัวผู้ตายที่ไม่มีใครสามารถเป็นตัวแทนมาทำการเผาศพหัวหน้าครอบครัวได้เลย ซึ่งพรุ่งนี้พวกตนก็จะมาทำพิธีเก็บกระดูกให้ด้วย และยังไม่รู้ว่าคนในครอบครัวจะกลับออกมาจากโรงพยาบาลได้เมื่อไร และรู้สึกสลดใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้

หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม กล่าวว่า ช่วงนี้ตัวเลขของการเสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปกติที่คิดว่าเคยถี่คือทำพิธีฌาปนกิจวันละ 1 ศพ มาวันนี้เพิ่มเป็นวันละ 2 ศพ และศพนี้เป็นศพที่ 12 แล้ว แต่ถึงอย่างไรทางวัดไผ่ล้อมก็ยินดีที่จะช่วยจัดพิธีให้ครบตามพิธีการและมีการป้องกันการแพร่ระบาด แต่ต้องยอมรับว่าวัดไผ่ล้อมมีเมรุเพียงแค่ที่เดียว จะทำพิธีฌาปนกิจศพไป 1 ศพแล้วจะทำการเผาต่อเนื่องไม่ได้ เพราะต้องรอให้เมรุคลายความร้อนก่อน ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะทำการเก็บเถ้ากระดูกออกมาได้ ซึ่งอาจจะเป็นปัญหาในอนาคตได้หากมีศพทยอยเข้ามาเผาติดต่อกัน

หลวงพี่น้ำฝน กล่าวอีกว่า หลังจากที่ฝากสื่อมวลชนได้กระจายข้อมูลเรื่องวิงวอนให้วัดต่างๆ ที่มีความพร้อมช่วยอนุเคราะห์เผาศพที่ติดเชื้อไวรัสโควิดนั้น เพราะเกรงว่าวัดไผ่ล้อมจะรับสถานการณ์ไม่ได้ แม้จะเปิดใจรับอย่างเต็มที่ ซึ่งอาตมาวางแนวคิดว่า วัดทั่วประเทศอย่างน้อย อำเภอละ 1 วัดก็ยังดี ที่จะรับเผาศพที่ติดเชื้อ โดยหากจะเริ่มก็สามารถประสานงานไปยังสำนักงานสาธารณสุขอำเภอของวัดนั้นๆ ที่จะมาให้ความรู้กับทางวัดได้

“วันนี้เราจัดระบบใหม่ที่มีการป้องกันให้มากขึ้น โดยไม่ให้ญาติมารวมตัว หรือมาใกล้โลงศพที่มีการบรรจุร่างผู้เสียชีวิตมาแล้ว วัดต่างๆ จะสามารถนำโมเดลของวัดไผ่ล้อมไปปรับใช้ได้ทันที นอกจากนี้ทางวัดก็กำลังผลิตสื่อที่จะนำไปเปิดทางโซเชียลมีเดีย เพื่อให้ผู้สนใจได้ศึกษาวิธีการ และสิ่งที่อาตมาเห็นจากข่าว คือที่ประเทศอินเดีย ที่มีคนติดเชื้อและล้มตายเป็นจำนวนมากจนไม่สามารถเผาศพได้ทันต้องนำไปสุมไฟกันกลางแจ้ง เป็นภาพที่น่าวิตกและหดหู่ใจของญาติผู้ตาย แต่ประเทศไทยมีวัดและเตาเผาศพมากมาย หากศึกษาให้ดี เรื่องการเผาศพติดเชื้อนั้นไม่ได้น่ากลัว และขอให้วัดเป็นที่พึ่งสุดท้ายของญาติโยมในยามวิกฤตเช่นนี้ด้วย” หลวงพี่น้ำฝน กล่าวทิ้งท้าย