มส.ชี้ชะตา 5 อดีตพระคดีเงินทอนวัดสระเกศฯ พ้นความเป็นสงฆ์แล้ว มอบพศ.ดำเนินการเอาผิดปลอมบวช

0
1851

 มอบสำนักพุทธฯพิจารณาดำเนินการกรณีทำพิธีกลับมาครองจีวร อาจเข้าข่ายปลอมบวช “พระเทพรัตนมุนี” ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ โดนหางเลขด้วยฐานสนับสนุน

วันนี้ (20 เม.ย.64) ที่พระตำหนักเพ็ชร วัดบวรนิเวศวิหาร มีการประชุมมหาเถรสมาคม(มส.) โดยสมเด็จพระสังฆราช ทรงลาการประชุม ทั้งนี้ภายหลังการประชุม นายสิปป์บวร แก้วงาม ผู้ตรวจราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) ในฐานะโฆษกพศ. แถลงข่าวว่า พศ.ได้นำกรณีคณะสงฆ์วัดสระเกศฯ ประกอบพิธีเจริญชัยมงคลคาถา ในโอกาสพระภิกษุอธิษฐานครองผ้าไตรจีวรรับเข้าหมู่สงฆ์ ประกอบด้วย อดีตพระพรหมสิทธิ อดีตพระราชกิจจาภรณ์ อดีตพระราชอุปเสณาภรณ์  อดีตพระศรีคุณาภรณ์ และอดีตพระครูสิริวิหารการ เข้าหารือมส. ซึ่งทั้ง 5 รูปอยู่ในช่วงที่ศาลพิพากษาให้รอลงอาญา 2 ปี ประกอบกับในช่วงการดำเนินคดีเงินทอนวัดเมื่อปี 2561 อดีตพระเถระทั้ง 5 รูป ได้ถูกดำเนินการให้พ้นจากสมณเพศ ตามมาตรา 30 พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 2 พ.ศ.2535 ที่ระบุว่า เมื่อจะต้องจำคุก กักขังหรือขังพระภิกษุรูปใดตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาล ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจหน้าที่ปฏิบัติการให้เป็นไปตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาล มีอำนาจดำเนินการให้พระภิกษุรูปนั้นสละสมณเพศเสียได้ และให้รายงานให้ศาลทราบถึงการสละสมณเพศแล้ว

นายสิปป์บวร กล่าวต่อไปว่า พศ.จึงนำเข้าหารือมส. เพราะเห็นว่าการที่อดีตพระเถระทั้ง 5 รูป ทำพิธีกลับมาห่มจีวรอีกครั้ง อาจเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 208 ประมวลกฎหมายอาญา ที่ระบุว่า ผู้ใดแต่งกายหรือใช้เครื่องหมายที่แสดงว่าเป็นภิกษุ สามเณร นักพรตหรือนักบวชในศาสนาใดโดยมิชอบ เพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าตนเป็นบุคคลเช่นว่านั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อีกทั้งยังปรากฏภาพพระเทพรัตนมุนี ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ นั่งเป็นประธานสงฆ์ในพิธีดังกล่าวด้วย ซึ่งเหมือนเป็นการส่งเสริมสนับสนุน จึงอาจเข้าข่ายความผิดละเมิดจริยาพระสังฆาธิการด้วย มส.พิจารณาตามข้อหารือของพศ.อย่างถี่ถ้วนและเห็นว่า คณะสงฆ์ต้องปฏิบัติตามกฎหมายคณะสงฆ์ ดังนั้นอดีตพระเถระทั้ง 5 รูปจึงถือว่าพ้นจากความเป็นสงฆ์แล้ว และมอบให้ทางพศ.ไปหารือพิจาราณาแนวทางในการดำเนินการต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า คดีของอดีต 5 พระเถระวัดสระเกศฯ ที่อยู่ระหว่างรอลงอาญา คือ 1.คดีร่วมกันกระทำความผิดตามพ.ร.บ.ปราบปรามการฟอกเงิน งบประมาณ พ.ศ. 2542 จากงบฯอุดหนุนในโครงการศูนย์กลางการเผยแผ่กิจการพระพุทธศาสนาตามแผนงานอนุรักษ์ส่งเสริมและพัฒนาศิลปะและวัฒนธรรม ประกอบด้วย อดีตพระพรหมสิทธิ โทษจำคุก 4 ปี 16 เดือน ปรับ 112,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี อดีตพระศรีคุณาภรณ์ อดีตพระครูสิริวิหารการ และอดีตพระราชกิจาภรณ์ โทษจำคุก 2 ปี 8 เดือน ปรับคนละ 56,000 บาท โดยโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี 2.คดีร่วมกันกระทำความผิดตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 จากงบฯเงินอุดหนุนในโครงการศูนย์กลางการเผยแผ่กิจการพระพุทธศาสนาในปีงบฯ 2558 ประกอบด้วย อดีตพระราชอุปเสณาภรณ์ และอดีตพระราชกิจจาภรณ์ โทษจำคุก 6 ปี 24 เดือน ปรับคนละ 168,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 1 ปี 3.ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่พศ.ทุจริตเงินงบฯอุดหนุนโครงการอบรมคุณธรรม จริยธรรม สำหรับเด็กและเยาวชน ประชาชน และข้าราชการ เพื่อความมั่นคงของสถาบันชาติ พระพุทธศาสนา พระมหากษัตริย์ ประจำปีงบฯ 2559 โดยอดีตพระพรหมสิทธิ โดนเพิ่มโทษจำคุก 48 เดือน ปรับ 36,000 บาท โดยโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี