พี่สาวแฉวงจรอุบาทว์! น้องชายตายด้วยเชื้อโควิดมีคนโทรมาติดต่อค่าทำศพ 1.5 หมื่น

0
435

เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2564 ที่ฌาปนสถาน วัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม ผู้สื่อข่าวได้พบกับ นางณัฐศิธาฎา กลิ่นประทุม อายุ 45 ปี พี่สาวของนายบุญปลูก กลิ่นประทุม อายุ 41 ปี ชาวจังหวัดนครปฐม ที่เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ที่ โรงพยาบาลนครปฐม ซึ่งได้โทรติดต่อมายังวัดไผ่ล้อม เพื่อขอฌาปนกิจศพน้องชาย หลังจากก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลนครปฐมโทรมาแจ้งว่าน้องชายได้เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 แล้ว หลังจากวางสาย ก็มีเสียงโทรศัพท์ไม่ทราบว่าเป็นใครหรือเจ้าหน้าที่จากที่ไหน โทรเข้ามาแจ้งการดำเนินการศพน้องชายเริ่มต้นจนเผาเสร็จที่วัดต้องมีค่าใช้จ่าย 15,000 บาท (หนึ่งหมื่นห้าพันบาท) เพราะขณะนี้จังหวัดนครปฐมมีคนตายด้วยโควิดเยอะ ตนจึงได้โทรสอบถามยังวัดไผ่ล้อมตามที่เคยเห็นในเพจเฟสบุ๊ค ก็ได้รับแจ้งว่าให้การสงเคราะห์ฟรีทุกกรณี ไม่มีค่าใช้จ่าย จึงได้ติดต่อให้วัดไผ่ล้อม ช่วยเป็นผู้ประสานดำเนินการให้ทั้งหมด  และยังได้รับความเมตตาจากพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม เป็นประธานในพิธีให้ด้วย โดยคณะสงฆ์วัดไผ่ล้อมได้จัดพิธีสวดพระอภิธรรม ชักบังสุกุล กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับวิญญาณของน้องชาย คือนายบุญปลูก กลิ่นประทุม ผู้เสียชีวิตให้ครบถ้วนตามกระบวนการ โดยมีญาติเพียง 3-4 คนมาร่วมไว้อาลัยครั้งสุดท้าย

นางณัฐศิธาฎา กล่าวว่า นายบุญปลูกได้มาทำงานอยู่ที่อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ซึ่งอาทิตย์ก่อนได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลกำแพงแสน เจ้าหน้าที่ทางโรงพยาบาลบอกว่ามีการติดเชื้อโควิค-19 และเมื่อ 5 วันก่อนได้รับแจ้งว่าจะต้องย้ายมาทำการรักษาตัวที่โรงพยาบาลนครปฐม เนื่องจากมีอาการหนักมาก ซึ่งตนเองก็ยังไม่ได้สอบถามว่าน้องชายไปติดเชื้อมาจากที่ไหน คาดว่านาจะมาจากแคมป์คนงานก่อสร้างที่ทำงานอยู่ จนกระทั่งเมื่อวานก็ได้มีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลนครปฐม โทรมาแจ้งว่าน้องชายได้เสียชีวิตแล้ว หลังจากรับโทรศัพท์ตนเองก็ตกใจเพราะไม่คิดว่าน้องชายจะจากไปอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็มีสายโทรเข้ามาหาและบอกว่าหากจะประสานขอรับทำศพของน้องชาย ซึ่งมีค่าใช้จ่ายจำนวนหนึ่งหมื่นห้าพันบาท โดยจะเป็นค่ารถขนศพ ค่าฉีดยาศพ ค่าโลงศพและการดำเนินการเผาศพ ซ้ำยังบอกว่าให้รีบตัดสินใจเพราะที่นครปฐมมีคนตายเยอะต้องมีการจองคิว ตนจึงบอกไปว่าจะขอปรึกษากับครอบครัวก่อนเพราะไม่มีเงินเลย เนื่องจากตนเองก็ตกงานและขายของไม่ได้ ทำให้สับสนว่าจะเอาอย่างไร

“หลังจากที่เราเคยได้ยินว่าวัดไผ่ล้อม สวดเผาฟรี ตามข่าวที่ออกก็ได้พยายามค้นหาเพจและข้อมูลการติดต่อกระทั่งได้ติดต่อมาที่พระเลขาฯ และได้ให้คุยกับหลวงพี่น้ำฝน ท่านก็บอกว่า ที่วัดไม่มีการเรียกร้องค่าจ่ายใดใดทั้งสิ้น และสอบถามกระบวนการดังกล่าวที่มีคนโทรมาหาว่ามีอย่างนี้หรือเปล่า ท่านก็บอกว่าไม่มีแม้หากโลงไม่มีก็จัดให้ จึงได้ขอนำศพน้องชายเรามาทำพิธี ซึ่งถ้าไม่เฉลียวใจโทรมาสอบถามก่อนก็อาจจะต้องไปกู้ยืมเงินมาให้กับคนที่โทรมาหา ซึ่งตอนนี้จะไปลองกู้ โทรศัพท์ดูว่าเป็นหมายเลขอะไรเพราะมือถือของเรามันจอแตกไม่โชว์ว่าเบอร์อะไรโทรเข้ามา จึงอยากฝากถึงญาติของผู้เสียชีวิตรายอื่นๆ ว่าอย่าหลงกลตกเป็นเหยื่อ ให้สอบถามไปที่วัดต่างๆ ที่เขารับเผาศพติดเชื้อโควิด-19 ว่าที่แต่ละวัดเป็นอย่างไรก่อน” นางณัฐศิธาฎา กล่าว

ด้าน หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม กล่าวว่า วัดไผ่ล้อมไม่เคยมีการเรียกร้องเก็บเงินใดๆ ทั้งสิ้นแม้แต่สลึงเดียว คนพวกนี้เหมือนเหลือบที่มาคอยเกาะกินกับสถานการณ์แบบนี้ ซึ่งก็เหมือนการขี่ม้าส่งเมืองคือบอกสารต่อๆ กันไปพอข้อมูลส่งกันไปเรื่อยๆ ก็ผิดเพี้ยนกันไป ซึ่งวัดไผ่ล้อมไม่เคยมีการเรียกร้องใดๆ เลย ซึ่งจะมีกระบวนการเผาศพได้วันละ 2 ศพ  ซึ่งมี 2 รอบคือ เช้าและบ่าย และตอนนี้ทุกวัดทั่วประเทศไทยก็ได้ช่วยกันทำงานนี้กันอยู่แล้วตามมติของมหาเถรสมาคม(มส.) ที่ให้วัดต่างๆ ลงมาช่วยกันแล้ว ใครที่กำลังเป็นเหลือบหากินกับเงินในความทุกข์ของญาติโยมก็ขอให้หยุดพฤติกรรมเหล่านี้ โดยวัดไผ่ล้อมยังย้ำว่าสวดเผาฟรี หากไม่มีรถรับศพเราก็ยังมีการช่วยส่งรถ กู้ชีพกองทุนสวดเผาฟรี วัดไผ่ล้อม ออกไปรับทุกวันไปส่งตามวัดต่างๆ ให้อีกด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่ของวัดไผ่ล้อมรายหนึ่ง ให้ข้อมูลว่า หลวงพี่น้ำฝนท่านเคยบ่นอยู่เสมอว่าขบวนการหากินกับศพผู้เคราะห์ร้ายจากโรคโควิดยังมีวิธีการบังคับให้ญาติต้องเพิ่มเงินซื้อฐานโลงศพขนาดสูงด้วยราคาอีกกว่า 1 หมื่นบาท อ้างว่าฐานต้องมากับโลงศพเป็นชุด ซึ่งไม่ใช่เรื่องจำเป็นอะไรเลยเพราะศพติดเชื้อโควิดไม่มีการตั้งบำเพ็ญกุศล 3 วัน 5 วันอยู่แล้ว พอมาถึงเมรุก็ต้องยกลงแต่โลงศพเข้าช่องเมรุเผาทันที ส่วนฐานโลงก็ต้องทิ้งให้เป็นวัสดุขยะแก่ทางวัด จะนำไปทิ้งทั้งฐานก็ไม่ได้เจ้าหน้าที่ของวัดหรือพระที่ทำงานก็ต้องรื้อทำลายสภาพก่อนนำไปทิ้ง จึงอยากฝากถึงสังคมให้ช่วยกันกำจัดวงจรอุบาทว์เหล่านี้ให้หมดสิ้นไปโดยเร็วด้วย