รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวอีกว่า กลุ่มเป้าหมายของโครงการฯ ที่จะให้ความช่วยเหลือประกอบด้วย ผู้ที่อยู่ระหว่างกักตัวรอดูอาการ ผู้ที่ออกจากโรงพยาบาลและจำเป็นต้องกักตัวรอดูอาการสักระยะซึ่งไม่สามารถออกไปหาซื้ออาหารเองได้ ตลอดจนผู้ติดเชื้อที่ได้รับความเดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งในเบื้องต้นขอความร่วมมือสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดถึงแนวทางดำเนินการให้ความช่วยเหลือ หลังจากนั้นประสานกับเครือข่ายทางวัฒนธรรม หน่วยงานหรือบุคคลที่มีความพร้อมเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบตามศักยภาพ ความพร้อมและบริบทของพื้นที่ โดยนำมิติทางวัฒนธรรม อัตลักษณ์ความเป็นไทยและความเกื้อกูลแบ่งปันมาใช้อย่างเหมาะสม เช่น การมอบถุงยังชีพ/ถุงปันน้ำใจ จัดทำหน้ากากผ้า มอบอาหารพร้อมรับประทาน การให้ความช่วยเหลือด้านการให้คำปรึกษาและบริการข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ เกี่ยวกับโรคโควิด-19 ทั้งนี้ สำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรมจะนำร่องโครงการฯโดยร่วมมือกับผู้นำพลังบวร สภาวัฒนธรรมกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมอบถุงปันน้ำใจ อาหารพร้อมรับประทาน น้ำดื่มให้แก่ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนและต้องการได้รับความช่วยเหลือและส่งต่อกำลังใจไปยังบุคลากรทางการแพทย์ตามโรงพยาบาลต่างๆ โรงพยาบาลสนามในกรุงเทพฯ และปริมณฑลด้วยการสนับสนุนอาหารกลางวัน และจัดทำสื่อเพื่อรณรงค์ให้คนไทยตระหนักถึงความสำคัญในการช่วยกันป้องกันการแพร่ระบาดฯ ตลอดจนจัดทำสื่อเพื่อเป็นขวัญกำลังใจ
นายอิทธิพล กล่าวด้วยว่า ตนได้กำชับบุคลากรในการลงพื้นที่ร่วมกับเครือข่ายทางวัฒนธรรม จะต้องระมัดระวังและปฏิบัติตามมาตรการของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) รวมทั้งประกาศ/คำสั่งของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กรุงเทพมหานครอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว ซึ่งโครงการ“ปันน้ำใจ คนไทย ไม่ทิ้งกัน” จะเป็นอีกหนึ่งภารกิจที่จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประขาชน โดยใช้กลไกภาครัฐร่วมกับเครือข่ายชุมชนคุณธรรมที่มีอยู่ทั่วประเทศ พร้อมกันนี้ได้เปิดสายด่วนวัฒนธรรม 1765 เพื่อสนับสนุนการทำงานของภาครัฐ ในการรับเรื่องร้องเรียน และช่วยประสานงาน หรือส่งต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 อีกช่องทางหนึ่ง