“ทิชา” นำเครือข่ายผู้ปกครอง องค์กรเด็กและเยาวชน กว่า 33 องค์กร บุกยื่นหนังสือ “ศุภชัย” ถกร่างพ.ร.บ.กัญชา เน้นใช้ทางการแพทย์ ไม่เปิดนันทนาการ

0
263

คุมการเข้าถึงเด็กต่ำกว่า 20 ปี กลุ่มเปราะบาง ห้ามเด็ดขาดในสถานศึกษา สถานที่ราชการ ศาสนสถาน ลั่นไม่ควรรีบเร่งปิดจ็อบ ขอขยายเวลา เร่งศึกษาลดผลกระทบ พร้อมเปิดรับฟังความเห็นประชาชนรอบด้าน

เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2565 ที่อาคารรัฐสภา องค์กรด้านเด็ก เยาวชนและครอบครัว กว่า 33 องค์กร นำโดย นางทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย)บ้านกาญจนาภิเษก สภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย  สถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย  เครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง  เครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพเยาวชน  เครือข่ายผู้ปกครองในสถานศึกษา  มูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็ก  มูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว  เครือข่ายบางกอกดีจัง ฯลฯ  เข้าพบนายศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ…. เพื่อยื่นข้อเสนอต่อการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว  ทั้งนี้เครือข่ายฯ ได้ร่วมกันทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ “ปกป้องลูกหลานจากกัญชาเสรี” ด้วยการแต่งหน้าขอบตาดำ คลุมใบกัญชา(จำลอง)เพื่อสะท้อนภาพเด็กเยาวชนติดกัญชา

นางทิชา  กล่าวว่า  จากความพยายามของพรรคภูมิใจไทย ภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ผลักดันเพื่อปลดกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด โดยประกาศ สธ. มีผลเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ที่ผ่านมา ปลดล็อคให้ทุกส่วนของกัญชาไม่ถือเป็นยาเสพติดอีกต่อไป เพียงวันแรกของการปลดล็อค พบสินค้าหลายชนิดที่มีส่วนผสมจากัญชาวางจำหน่ายทั่วประเทศ อย่างเปิดเผยและเสรี ทั้งเครื่องดื่ม ขนม รวมถึงต้นกัญชา เป็นต้น มีความห่วงใยจากหลากหลายกลุ่ม อาทิ บุคลากรทางการแพทย์ สถาบันทางการแพทย์ นักวิชาการ ตัวแทนภาคประชาสังคม รวมถึงศิลปินดารา นักร้อง ถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน สังคม โดยเฉพาะการปกป้องเด็ก เยาวชน และกลุ่มเปราะบาง

ทั้งนี้ แม้สภาผู้แทนราษฎรจะมีมติรับหลักการ ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ…. เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 2565 แต่ยังต้องใช้เวลานานกว่าที่จะพิจารณาออกกฎหมายและมีผลบังคับใช้ ทำให้ขณะนี้ ไม่มีมาตรการควบคุมการใช้กัญชา กัญชง และหากพิจารณาสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ จะพบว่ามีการให้สิทธิประชาชนสามารถปลูกกัญชา กัญชงเพื่อใช้ในครัวเรือนได้ เท่ากับเป็นการเปิดประตูให้สามารถใช้ในทางนันทนาการได้ ในขณะที่ยังไม่มีมาตรการที่ดีพอเพื่อควบคุมไม่ให้ใช้กัญชา กัญชงในทางที่ผิด ไม่สามารถควบคุมปัญหาจากการเมากัญชาได้ เช่น เมากัญชาขับรถ การเสพหรือบริโภคเกินขนาด การคิดค้นสูตรผสมต่างๆ ที่อันตราย การกำหนดปริมาณกัญชาในส่วนผสมของอาหารและเครื่องดื่ม เป็นต้น

“ขอเรียกร้องให้การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีมาตรการที่รัดกุม ครอบคลุมทุกมิติของปัญหาและผลกระทบที่จะตามมาจากการอนุญาตให้มีการใช้กัญชา กัญชง เช่น ต้องควบคุมการปลูก การนำไปใช้หรือแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ การจำหน่าย จำกัดการเข้าถึง ควบคุมอายุ ห้ามโฆษณา บทลงโทษ มาตรการกำหนดไม่ให้เสพกัญชาแล้วขับขี่ยานพาหนะ และมาตรการต่างๆ ในการให้ความรู้แก่ประชาชน” นางทิชา กล่าว

ด้านนายณัฐพงศ์   สำเภาแก้ว   ผู้ประสานงานเครือข่ายลดปัจจัยเสี่ยง  กล่าวว่า เครือข่ายฯ ขอแสดงจุดยืน และข้อเสนอต่อคณะกรรมาธิการฯ พิจารณาร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ ดังนี้ 1.เครือข่ายไม่คัดค้านการใช้กัญชา กัญชง เพื่อประโยชน์ในทางการแพทย์ หรือเศรษฐกิจ แต่เครือข่ายไม่สนับสนุนการใช้กัญชาเพื่อนันทนาการ เพราะแม้กัญชาจะถูกถอดออกจากบัญชียาเสพติด แต่ฤทธิ์ของกัญชา กัญชง ยังส่งผลต่อระบบประสาททำให้มีอาการมีนเมา ประสาทหลอน และเสพติดได้ นอกจากนี้ยังส่งผลต่อระบบพัฒนาการของสมอง ทำให้โครงสร้างสมองผิดปกติ ความสามารถในการตัดสินใจ คิด วิเคราะห์ลดลง มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรควิตกกังวล ซึมเศร้า หรือฆ่าตัวตายได้ 2.ควรกำหนดให้สถานศึกษา ศาสนสถาน สถานที่ราชการ เป็นสถานที่ห้ามเสพ ห้ามขายกัญชา และห้ามจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม ส่วนประกอบของอาหารและเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกัญชา กัญชง ทุกชนิด และให้หมายความรวมถึงกิจกรรมหรือโครงการต่าง ๆ ที่หน่วยงานดังกล่าวอนุญาตให้จัด เช่น กิจกรรมรับน้อง กิจกรรมค่าย กิจกรรมทัศนศึกษา ศึกษาดูงาน กิจกรรมกีฬาสัมพันธ์ การประชุมสัมมนา เป็นต้น 3. การห้ามขายกัญชาให้ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี ต้องพิจารณาเพิ่มบทลงโทษให้สูงกว่าข้อเสนอเดิมสองเท่า และควรพิจารณามาตรการคุ้มครองเด็กที่เป็นผู้กระทำความผิด เช่น กรณีผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้เป็นเด็กหรือผู้มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ไม่ควรต้องรับโทษทางอาญา โดยเชื่อโยงให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 เป็นต้น

4.ห้ามไม่ให้มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์กัญชาผ่านเครื่องจำหน่ายอัตโนมัติโดยเด็ดขาด เพื่อจำกัดการเข้าถึงและควบคุมอายุของผู้ซื้อ และต้องควบคุมปริมาณความเข้มข้นของกัญชาที่ผสมในผลิตภัณฑ์ต่างๆ และผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชาต้องระบุปริมาณส่วนผสมของกัญชาให้ชัดเจน  นอกจากนี้ต้องมีการระบุข้อความคำเตือนเกี่ยวกับการใช้กัญชา 5. ควรห้ามการโฆษณากัญชา กัญชง และผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่มีสวนผสมของกัญชา กัญชง รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมการขายที่มีรูปแบบ วิธีการและเนื้อหาที่มุ่งเป้าเชิญชวนเด็กและเยาวชนทั้งทางตรงและทางอ้อม  6.ขอเรียกร้องให้คณะกรรมาธิการฯ ขยายเวลาพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้ และเปิดรับฟังความคิดเห็น ประชาชนในวงกว้างอย่างจริงจัง ทั่วถึง ไม่เร่งรีบ  7.ควรกำหนดให้คณะกรรมการควบคุมกัญชา กัญชง ต้องมีหน้าที่ในการควบคุม กำกับดูแล และลดผลกระทบจากกัญชา กัญชง มิใช่มุ่งส่งเสริมและสนับสนุนเพียงอย่างเดียว

*****************************************************************