ตำแหน่งนี้ท่านได้แต่ใดมา (พระดีๆ ท่านไม่ทำ)

0
382

ตำแหน่งนี้ท่านได้แต่ใดมา (พระดีๆ ท่านไม่ทำ)

แม้ผู้เขียนจะมิใช่ปราชญ์ราชบัณฑิต แต่สำนึกในผิด ถูก ชอบ ชั่ว ดี ก็พอมีอยู่ในตนเยี่ยงคนมีศีลทั่วไป อันว่าเป็นผู้มีศีลมากหรือศีลน้อยท่านให้ดูที่พฤติการณ์ของการกระทำ ดังนั้นเราๆ ท่านๆ จึงมักพบเห็นอยู่เสมอว่าผู้ได้ชื่อว่ามีศีลมากถึง 227 ศีล 10 ศีล 8 บางท่านก็ยังมีพฤติกรรมทุจริต ประพฤติมิชอบ แหกกฎเกณฑ์ของสังคมอย่างไม่มีความละอาย

เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้เขียน ได้ร่วมประชุมสัมมนาระดมความคิดเห็นจัดทำกรอบแนวคิดในการยกร่างแผนปฏิบัติการด้านการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ระยะที่ 2 (พ.ศ.2566-2570) ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (ZOOM) โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่างๆ เข้าร่วมประชุมเสนอแนะแนวความคิดมากมายเกือบ 100 ท่าน

ผู้ทรงคุณวุฒิท่านหนึ่ง เสนอว่า สังคมไทยเรายังติดอยู่กับปัญหาระบบอำนาจ ระบบอุปถัมภ์ จึงทำให้การขับเคลื่อนตามแผนแม่บทคุณธรรมแห่งชาติ ดำเนินไปอย่างไม่ราบรื่น ทำอย่างไรเราจะก้าวผ่านระบบอำนาจ (ผู้ทรงอำนาจในทุกระดับ) ระบบอุปถัมภ์ (ยังต้องพึ่งพาผู้ให้) นี้ไปได้

นอกจากแนวคิดและข้อเสนอแนะอันทรงคุณค่าของผู้ทรงคุณวุฒิท่านนี้แล้ว  ท่านอื่นๆ ก็ได้ให้ข้อเสนอแนะที่ทรงคุณค่าอีกมากมาก แต่ในส่วนของผู้เขียนเอง ได้เรียนเสนอต่อที่ประชุมกลุ่มย่อยว่า แผนขับเคลื่อนการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติระยะที่ 1 ที่ผ่านมา 5 ปี ก้าวสู่ปีที่ 6 แล้ว เชื่อว่าทุกองค์กรต่างก็รู้แล้วว่า คุณธรรมหมายถึงอะไร ความหมายสั้นๆ คือ “ความดี” สิ่งใดที่เป็นการทำดี ประพฤติดี ก็ได้ชื่อว่า “มีคุณธรรม” และเพื่อให้การขับเคลื่อนการส่งเสริมคุณธรรมก้าวเดินไปข้างหน้า ไม่ย่ำอยู่กับที่ ร่างแผนแม่บทคุณธรรมแห่งชาติ ระยะที่ 2 จึงควรเน้นที่การสร้าง “ผู้นำคุณธรรมต้นแบบ” ผู้นำทุกองค์กรทั้งระดับภาครัฐ เอกชน หรือระดับผู้นำครอบครัว ควรเป็น “ผู้นำต้นแบบ” เพื่อเป็นต้นแบบให้สมาชิกในองค์กรคล้อยตามแบบอย่างที่ดีงาม

มารู้สึกเสียดายภายหลังที่วันนั้นผู้เขียนไม่ได้กล่าวถึง “ผู้นำองค์กรทางศาสนา” ซึ่งก็คงจะไม่เอ่ยถึงผู้นำทางศาสนาอื่นๆ นอกจากอยากจะเอ่ยถึง ผู้นำทางพระพุทธศาสนา ซึ่งก็คือผู้นำทางจิตวิญญาณ ได้แก่“พระสงฆ์” หนึ่งในองค์สามของพระรัตนตรัยนั่นเอง

ทำไมพระสงฆ์จะต้องเป็น “ผู้นำต้นแบบ” ขอตอบว่า พระสงฆ์มีหน้าที่เทศนาเผยแพร่ศีลธรรม คุณธรรม ที่ดีที่สุดของสังคมไทย สังคมไทยให้ความเชื่อถือในคำเทศนาสั่งสอนของพระสงฆ์สืบต่อกันมาช้านาน สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมอบหมายให้พระสงฆ์เที่ยวจาริกไปเผยแผ่พระธรรมคำสอนแก่ชาวโลก เพื่อยังประโยชน์อันใหญ่หลวงแก่ชาวโลก

พระภิกษุสงฆ์ จึงควรเป็น “ผู้นำต้นแบบ” ที่ดีที่สุด ตรงข้าม หากพระภิกษุสงฆ์ขาดคุณธรรม (ขาดศีล ศีลขาด) ประพฤติตนไม่เหมาะสม มีพฤติกรรมเหลวแหลก “พระดีๆ ท่านไม่ทำ” แล้วจะเอาอะไรมาเทศนาสั่งสอนให้ใครคล้อยตาม

พรรณนามาถึง “เรื่องพระสงฆ์” ต้องขมวดให้เข้าเรื่องเข้าราวเสียที ช่วงสี่ห้าเดือนติดต่อกันมานี้เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ระบาดอย่างหนักหนาสาหัส วันๆ มีผู้ติดเชื้อเกิน 2 หมื่นราย ตายสัปดาห์เดียวเป็นพันศพ ทางสาธารณสุขแจ้งว่าเป็นเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ เดลต้า หรือสายพันธุ์อินเดีย ติดเชื้อง่ายมาก เพียงแค่เข้าไปในกลุ่มคนมากๆ ก็ติดได้แล้ว ระยะหลังๆ มานี้ พระสงฆ์สามเณรตามวัดต่างๆ เริ่มติดเชื้อมากขึ้นๆ ศพพระในรพ.สงฆ์บางวันล้นที่เก็บ เจ้าหน้าที่ต้องติดต่อขอให้ทางวัดมารับศพออกไปเผาในยามดึก

จำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้เขียนต้องระวังตัวอยู่แต่ในบ้าน เนื่องจากร่างกายอยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูงสุด ด้วยอายุมากและโรคระบบทางเดินหายใจ แต่ก็ด้วยความจำเป็นหรืออาจจะเป็นเพราะวิบากกรรมทำให้ต้องออกจากบ้านไปทำธุระสำคัญในพื้นที่ชานเมืองที่ไม่ห่างไกลจากกรุงเทพมหานคร

พอใกล้จะเสร็จธุระเป็นเวลาประมาณ 10 โมงเศษ จิตคำนึงถึงเรื่องการขบฉันมื้อเพลของพระสงฆ์ พระคุณท่านคงลำบากเรื่องอาหารบิณฑบาต ไหนจะเรื่องกิจนิมนต์ซึ่งช่วงนี้ไม่มีใครจัดงานทำบุญเลี้ยงเพลพระ ประกอบกับผู้เขียนเองก็ไม่ค่อยมีโอกาสถวายเพลพระ เมื่อจิตใจอยากทำบุญจึงขับรถเสาะหาอาหารอันประณีตที่เหมาะแก่การถวายพระ พบไก่ย่างเขาสวนกวางร้านสะอาดสวยงาม จึงแวะเข้าไปซื้อไก่ย่าง 1 ตัว ข้าวเหนียว 4 ห่อ และส้มตำไทย (ป้องกันปลาร้าดิบ) หาวัดใกล้ๆ ที่พอรู้จักกับเจ้าอาวาส ก็เข้ากราบน้อมถวายพร้อมซองปัจจัยสี่ สิ่งจำเป็นแก่สมณะ

ถวายเสร็จ ท่านก็กล่าวถึงการที่มหาเถรสมาคม(มส.) มีมติให้พระที่ต้องคดีดัง ถูกจับขังคุกไปแล้วนั้นพ้นจากเพศสมณะตามกฎหมายสงฆ์ มาตรา 29 และ 30 “มส.จะต้องถูกดำเนินคดีในฐานความผิดนี้” (ท่านรู้ดีว่าผู้เขียนทำข่าวประจำอยู่กับมส.)

อึ้ง!  อึ้งสิครับ ได้ยินชัดๆ คำนี้ ในใจนึกขึ้นมาพลัน “นี่ท่านจะเล่นงานพ่อเชียวหรือครับ” จึงประณมมือกล่าวไปว่า พระเดชพระคุณพระภิกษุต้องอยู่กรอบของพระวินัย กฎหมาย และจารีต ทั้ง 3 อย่างนี้มิใช่หรือครับ ก็ในเมื่อกฎหมายสงฆ์บัญญัติไว้อย่างนั้นนานมาแล้ว ไม่ปฏิบัติตามจะถูกหรือครับ?

สิ่งที่ได้กลับมาคือ ถูกตะวาดใส่ด้วยสีหน้าโกรธจัด! พร้อมกับคำพูดที่หมิ่นแคลนกรรมการมส.อีกหลายคำ ผู้เขียนรวบรวมสติได้จึงนั่งฟังเฉยๆ ยุติถ้อยคำที่อาจโต้แย้ง

ไม่จบครับ ท่านในฐานะตำแหน่งเจ้าคณะตำบล ยังไม่สงบในสัมมาวาจา โพล่งออกมาดังๆ ต่อไปจะต้องดำเนินคดีกับผอ.พุทธจังหวัดด้วย จะต้องติดคุกที่ไปรับเงินเค้ามาเพื่อต่อสัญญาเช่าที่ดินวัดร้างทั้งๆ ที่สัญญาผู้เช่ารายเดิมก็หมดสัญญาไปแล้ว ทำไมมีผู้ขอยกวัดร้างให้เป็นวัดมีพระสงฆ์ ทำไมไม่ให้เขา

ผู้เขียนได้แต่นั่งฟังอย่างสงบ เพราะไม่อยากให้ท่านโกรธไปมากกว่านี้ ก็ได้แต่นึกคิดภายในใจว่า นี่เรามาทำบุญด้วยเจตนาศรัทธาในบุญทานอย่างบริสุทธิ์ใจ ทำไมสิ่งตอบแทนที่ได้จึงมีแต่สิ่งที่เสียดแทงใจอย่างรุนแรงเช่นนี้ หรือจะเป็นเพราะวิบากกรรม หรือบุพกรรม ?

อย่างน้อยผลแห่งเจตนาเข้าไปถวายเพลพระในวันนั้น สิ่งที่ได้มา 2 ประการ คือ 1.ทำลายความเป็นผู้มีศีล(ตนเอง) ด้วยการกล่าวร้ายลับหลังฆราวาสว่า “ไปรับเงินเค้ามาเพื่อการต่อสัญญาเช่าที่ดินวัดร้าง”  2.ทำลายพระมหาเถระกรรมการมส. ด้วยการกล่าว “จะดำเนินคดีมส.” ซึ่งพระมหาเถระกรรมการมส.ทุกรูป คือพระที่ผู้เขียนกราบไหว้บูชามาช้านาน

ขืนอยู่ต่อไปคงมีแต่เรื่องร้ายๆ มากกว่าดี ก่อนจะกลับได้กราบลาพร้อมกับเอ่ยปากว่า กระผมจะติดตามกรณีการต่อสัญญาเช่าที่ดินวัดร้างแห่งนี้ให้ ถ้าได้ผลอย่างไรกระผมจะกราบเรียนให้ทราบครับ แล้วก้าวลงบันไดด้วยจิตใจที่แสนหดหู่

เรื่องควรจะจบแล้ว แต่ยังไม่จบ หลังจากผู้เขียนได้ไปสืบสาวราวเรื่องมาแล้ว จึงนำเรียนท่านไปว่า ท่านผอ.จังหวัดได้นำมติที่ประชุมสงฆ์ของจังหวัด เสนอไปยังผอ.สำนักงานงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อพิจารณาดำเนินการ ทางสำนักพุธนำเข้าคณะกรรมการพิจารณาตามระเบียบที่มส.มีมติวางระเบียบไว้  สรุปที่ประชุมมีมติต่อสัญญาให้กับผู้เช่ารายเดิม เนื่องจากยังไม่มีฝ่ายใดแจ้งยกเลิกสัญญาเช่า

แทนที่จะเข้าใจให้สมกับการเป็นสมณะผู้ทรงศีล ให้สมกับตำแหน่งเจ้าคณะตำบล ให้สมกับการเป็นผู้ภายใต้การปกครองของมหาเถรสมาคม กลับตะแบง “ทนายบอกว่าถ้ามีการต่อสัญญา จะร้อง ปปช.เอาผิดผอ.พุทธจังหวัดทันที ช่วยบอกด้วย”

ผู้เขียน กราบเรียนถามเพิ่มเติม มีกฎหมายมาตราไหนเอาผิดกับผู้ไม่ได้กระทำผิดครับ (ผู้ให้ต่อสัญญาคือมติกรรมการฯ)

จากนั้นก็ถูกตะแบงสวนกลับอีกครั้ง (ขอให้เป็นครั้งสุดท้าย) “ทนายเขาเรียนกฎหมายมา เขารู้ว่าผิดหรือไม่ผิด บอกเขาไปตามที่บอก”

มองเขา มองใคร แล้วกลับมามองที่ตัวเรา ถ้าคนพาลใช้ไหว้วาน บอกให้ไปตีหัวคนนั้น เราจะตีตามคำสั่งไหม ในเมื่อเราก็รู้เขาคนนั้นเป็นดี เป็นคนที่กรรมการมส.ทุกรูปรู้จักมาช้านาน

พระสงฆ์คือ ผู้นำทางจิตวิญาณ กิจของสงฆ์มีสิ่งพึงกระทำมากมาย แต่สอบตก “ความเป็นผู้นำที่ดี” ไม่รู้ว่าผู้เขียนจะร้องถามถึงใครดี อยากถามว่า ตำแหน่งพระสังฆาธิการระดับเจ้าอาวาส ระดับเจ้าคณะตำบล ท่านได้แต่ใดมา ?

ได้มาด้วยคุณธรรมข้อใด หลักคุณธรรมเบื้องต้นของคนทั่วๆ ไป คือ พอเพียง วินัย สุจริต จิตอาสา หรือคุณธรรมของพระเจ้าคณะปกครอง คือ “พรหมวิหารธรรม”

ขอหยิบยก มงคลที่ ๑ การไม่คบคนพาล อะเสวะนา จะ พาลานัง

ณ. หนูแก้ว