X

ตะลึง!! สังขารปาฏิหาริย์ ‘หลวงพ่อพูล’ ญาติโยมแห่ชมความอัศจรรย์ เปลี่ยนผ้าครอง กลายเป็นสีทองผ่องพุทธคุณ

วันนี้ (11 พ.ค. 2562) เวลา 15.00 น. ณ ศาลาที่ประดิษฐานสังขารหลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม เปิดเผยว่า ในวาระพิเศษอันเป็นมงคล กับครั้งหนึ่งในชีวิตของญาติโยมและศิษยานุศิษย์หลวงพ่อพูล อัตตะรักโข อดีตเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ที่ร่วมพิธีการเปลี่ยนผ้าครองถวายหลวงพ่อพูลและพิธีลงกระหม่อม ขอความโชคดีบังเกิดมีโชคลาภแก่ศิษยานุศิษย์ทุกท่าน ที่มาร่วมพิธีเปลี่ยนผ้าครอง-ลงกระหม่อมในวันนี้ ถือเป็นสิริมงคลครั้งหนึ่งในชีวิตที่โยมได้ใกล้ชิดพระอริยะสงฆ์ “หลวงพ่อพูล” อย่างแท้จริง อีกทั้งได้รับแจกฟรีจีวรหลวงพ่อพูล และได้สัมผัสกายสรีระสังขารผิวสีทองของหลวงพ่อพูลอย่างใกล้ชิด โดยทางวัดจัดให้มีพิธีถวายสักการะสรีระ พร้อมร่วมกันสวดพระพุทธมนต์ ร่วมกันประกอบพิธีสรงน้ำ เช็ดตัว เปลี่ยนผ้าครองสรีระสังขาร สำหรับพิธีลงกระหม่อมนั้น ญาติโยมทุกท่านเข้าไปทีละคน แล้วก้มลงกราบน้อมศีรษะจรดแตะไปที่ปลายเท้าหลวงพ่อพูล เพื่อความเป็นมงคลต่อชีวิตอย่างแท้จริง

พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ กล่าวว่า  สำหรับอัตตะโนประวัติ หลวงพ่อพูล อัตตะรักโข พระสุปฏิปันโน แห่งวัดไผ่ล้อม จังหวัดนครปฐม พระอริยะสงฆ์ผู้เปี่ยมเมตตาบารมี จริยาวัตรงดงาม เคร่งครัดพระธรรมวินัย สมถะ สงบ เรียบง่าย อ่อนน้อมถ่อมตน ท่านทุ่มเท แรงกายแรงใจ ประพฤติปฏิบัติ เพาะบ่มอบรมตนด้วยศีล สมาธิ ปัญญา อย่างหาที่ติมิได้ สงเคราะห์ผู้ตกทุกข์ได้ยาก ให้ได้พึ่งใบบุญในทุกชนชั้นวรรณะ ด้วยความเท่าเทียม เสมอต้นเสมอปลาย จวบจนได้รับขนานนาม พระจริงนิ่งใบ้ ฉายานี้มีนัยยะในความปล่อยวางอย่างถ่องแท้

หลวงพ่อพูล ถือกำเนิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2455 ปีชวด เป็นบุตรคนที่ 6 ในจำนวนพี่น้อง 10 คน บิดาชื่อ นายจู  มารดา นางสำเนียง นามสกุล ปิ่นทอง เกิด ณ บ้านเลขที่ 75 หมู่ 3 ตำบลดอนยายหอม อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม วัยเยาว์เข้าศึกษาที่โรงเรียนวัดห้วยจระเข้ สำเร็จชั้นประถมศึกษาปีที่ 4  เมื่อปี พ.ศ. 2471 เริ่มจุดประกายเรียนรู้ เขียนอ่านอักขระภาษาขอม และวิชาแพทย์แผนโบราณ ฝากตัวเป็นศิษย์ ปู่แย้ม ปิ่นทอง ผู้เป็นปู่แท้ๆ เพื่อเรียนวิชาดังกล่าวด้วยความตั้งใจ จนชำนาญการเป็นอย่างดี ที่สำคัญปู่แย้ม เป็นศิษย์ที่ได้รับการถ่ายทอดวิชาอาคม มาจากหลวงปู่จ้อย วัดบางช้างเหนือ หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง และหลวงปู่กลั่น วัดพระประโทนเจดีย์ อีกด้วย อีกทั้งปู่แย้ม ยังมีเพื่อนรักอีกคนหนึ่ง ซึ่งอยู่ที่ตำบลดอนยายหอม เป็นศิษย์ร่วมสำนักเดียวกัน คือ นายพรม ด้วงพลู หรือที่รู้จักกันดีในนาม “พ่อพรม จอมขมังเวทย์” แห่งดอนยายหอม ผู้เป็นบิดาของ “หลวงพ่อเงิน” เทพเจ้าแห่งดอนยายหอม พระเกจิอาจารย์ผู้เรืองนามแห่งเมืองนครปฐม

ต่อมาในปี พ.ศ. 2477 หลวงพ่อพูล อายุครบเกณฑ์ทหาร จึงสมัครเข้ารับราชการในสังกัดทหารม้ารักษาพระองค์ ประจำการ ณ กองบัญชาการเดิม สะพานมัฆวานรังสรรค์ กรุงเทพมหานคร และได้ปลดประจำการหลังครบกำหนด 1 ปี 6 เดือน ได้รับยศสิบตรี ทันทีที่จบจากการรับใช้ชาติ เข้าบรรพชาอุปสมบท เมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2480 ณ พัทธสีมา วัดพระงาม โดยมี พระครูอุตรการบดี หลวงปู่สุข วัดห้วยจระเข้ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระปลัดมณี วัดพระงาม พระกรรมวาจาจารย์ และพระสมุห์ปุ่น วัดลาดปลาเค้า พระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา  อัตตะรักโข มีความหมายว่า ผู้รักษาตน

อุปสมบทแล้ว พำนักจำพรรษาวัดพระงาม ศึกษาพระธรรมวินัย สอบได้นักธรรมชั้นตรี ปี พ.ศ. 2482 ระหว่างนั้นได้ฝึกเจริญจิตภาวนา ฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อพร้อม วัดพระงาม อีกทั้งยังฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม หลวงพ่อพูลได้รับความเมตตาจากหลวงพ่อเงินมากเป็นพิเศษ ได้รับคำแนะนำสั่งสอนเรื่องการเจริญสมาธิภาวนา การเขียนอักขระเลขยันต์ และวิชาปลุกเสกวัตถุมงคล เมื่อได้รับคำแนะนำจนเป็นที่มั่นใจแล้ว หลวงพ่อพูล จึงออกธุดงค์ไปตามป่าเขาลำเนาไพร มุ่งหน้าไปในแถบพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อสะกดลดละกิเลส ฝึกฝนสมาธิจิตให้แกร่งกล้ายิ่งขึ้น อานิสงส์ของการธุดงค์วัตร ทำให้ท่านมีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ สมาธิจิตอยู่ในระดับขั้นสูง  ฝึกระเบียบด้วยจิตมั่นคง บ่มเพาะนานพอที่จะกลับมาแผ่เมตตาบารมีธรรมให้กับญาติโยม จากนั้นจึงเดินทางกลับมาวัดพระงาม ในปี พ.ศ. 2486

เหตุการณ์ล่วงถึงปี พ.ศ. 2490 พลันที่วัดไผ่ล้อมเกิดขาดเจ้าอาวาส เมื่อเป็นเช่นนั้น หลวงพ่อเงินท่านจึงมีคำสั่งให้หลวงพ่อพูล ย้ายมาจำพรรษาประจำอยู่วัดไผ่ล้อม ชาวบ้านพร้อมใจกันไปกราบอาราธนา ให้มารับตำแหน่งเจ้าอาวาส หลังจากมาประจำพำนักที่วัดไผ่ล้อม ท่านเริ่มบูรณะพัฒนาถาวรวัตถุ พัฒนางานด้านการศึกษา ผนวกควบคู่กับการพัฒนาใจของตนเองให้สูงยิ่งขึ้น ด้วยการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน เรียนรู้วิชาการต่างๆ เพิ่มเติม แล้วก็น้อมนำประสบการณ์ไปช่วยเหลือชาวบ้านที่เดือดร้อนอีกทางหนึ่งด้วย ส่งผลให้วัดไผ่ล้อม เนืองแน่นไปด้วยศรัทธาญาติโยม ที่ล้วนมาขอพึ่งพาบารมีบุญจากท่าน และยึดเป็นที่พึ่งทางใจ ในการต่อยอดดำเนินชีวิตที่ดีงามสืบต่อไป

วัดไผ่ล้อม มีความเจริญก้าวหน้าตามลำดับ เสนาสนะเกิดขึ้นมากมาย เช่น อุโบสถ วิหาร ศาลาการเปรียญ ฌาปนสถาน โรงเรียนพระปริยัติธรรม  หอระฆัง  กุฏิสงฆ์ และกำแพงวัด เป็นต้น ส่งผลให้วัดไผ่ล้อม กลายเป็นอารามสง่างาม เป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชน ให้ตั้งมั่นในบวรพระพุทธศาสนา และท่านยังเป็นผู้อุปถัมภ์สร้างโรงเรียนวัดไผ่ล้อม พูลประชาอุปถัมภ์ เพื่อเป็นสถานศึกษาสำหรับเยาวชน

จวบจนหลวงพ่อถึงวัยชรา บุญบารมีสั่งสมเป็นตบะเดชะ ผ่องพุทธคุณเป็นเนื้อนาบุญอันบริสุทธิ์ ประดุจพระเกจิอาจารย์องค์เอกอุของเมืองไทย มีกิจนิมนต์มากมายทั่วประเทศ ทั้งนั่งปรกอธิษฐานจิต พิธีมหาพุทธาภิเษกเกือบทุกงาน สืบสานในวัตรปฏิบัติจัดเจนกุศลจริยา เปี่ยมพลังบุญฤทธิ์จิตตานุภาพแผ่ขจรขจาย

ถึงปลายทางห้วงสุดท้าย ท่านเหนื่อยล้าเกินกว่าจักเยียวยา ท่านพินิจพิจารณา กว่าจะเห็นแววทายาท ที่จักมาสืบทอดสาแหรกธรรม น้อมนำสานต่อพอถึงจุดสุดทาง จึงตัดสินใจมอบหมายให้พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน ในฐานะทายาทพุทธาคมศิษย์เอก ที่ผ่านการครอบครู ประจุพุทธาคมสรรพวิชาและเป็นผู้สนองงานพัฒนาวัดวาอาราม ให้รับมือต่อจากท่าน ในภายภาคหน้า

พลันที่หลวงพี่น้ำฝน ซึมซับพลังงาน ประสานสิบทิศ เนรมิตวัดไผ่ล้อมให้เจริญงอกงามสมดั่งเจตนา ที่หลวงพ่อก็วางใจ ด้วยวัย 93  ปี หลวงพ่อพูล ดำเนินวิถีธรรมตามสังขารปลายทางที่ร่วงโรย  เจ็บป่วยตามธรรมชาติ ปราศจากกิเลสตัณหาราคะทั้งปวง บริสุทธิ์ประดุจพระสุปฏิปันโณ กำหนดจิตเจริญสมาธิ ภาวนาลาจากด้วยอาการสงบ เมื่อเวลา 14 นาฬิกา 55 นาที วันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2548 โดยวันดังกล่าว ได้เกิดปรากฏการณ์ 3 มงคล ตรงกับวันวิสาขบูชา พิธีไหว้ครูบูรพาจารย์ และหลวงพ่อพูล ละสังขารในวันเดียวกัน

หลวงพ่อพูล ทิ้งไว้เพียงเสียงธรรมคำสอน และคุณงามความดี ตลอดอายุขัย 93 ปี ภายใต้ร่มกาสาวพัสตร์ เจริญตามรอยธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้อย่างหมดจดงดงามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานน้ำหลวงอาบศพ และหีบทองทิพย์  มหาชนหลั่งไหลสู่วัดไผ่ล้อมจากทั่วสารทิศ หลังทราบข่าวหลวงพ่อพูลละสังข

พิธีธรรมทางพระพุทธศาสนา ถูกจัดขึ้นอย่างสมเกียรติ โดยหลวงพี่น้ำฝน ทายาทศิษย์เอก ถวายความกตัญญูกตเวที ครบ 100 วัน อัศจรรย์พลันบังเกิด เมื่อเปิดหีบทอง ภาพที่ศิษยานุศิษย์เห็นคือ ร่างของท่านอยู่ในสภาพสมบูรณ์ สังขารปกติ ใบหน้า ผิวพรรณ ทุกส่วนของร่างกายเหมือนเดิม สร้างความตื่นตาตื่นใจแก่ศิษย์ทุกคนที่เห็น ณ เวลานั้น หลวงพี่น้ำฝนได้อัญเชิญสรีระสังขารท่านบรรจุในโลงแก้ว นำประดิษฐานที่กุฏิเพื่อให้ญาติโยมได้กราบสักการบูชาเป็นเนื้อนาบุญ ห้วงนั้นในแต่ละวัน ผู้คนทั่วสารทิศ เดินทางมายังวัดไผ่ล้อมเพื่อกราบสังขารหลวงพ่อพูล ส่งผลให้ชื่อเสียงกิตติศัพท์ขจรไกล ยิ่งนานวันพลังศรัทธามากทวีคูณ

กาลต่อมา สังขารในโลงแก้วที่ประดิษฐาน ณ กุฏิเก่าหลังเดิม ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2548 เป็นต้นมา ประชาชนแห่แหนหลั่งไหลสักการะมากมาย ส่งผลให้กุฏิเก่าทรุดโทรม หลวงพี่น้ำฝน จึงดำริสร้างวิหารเพื่อถวายความกตัญญูกตเวที และทำพิธีย้ายสังขารมาประดิษฐาน ณ ศาลาการเปรียญวัดไผ่ล้อม เมื่อวันศุกร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ.2554 และประกอบพิธีเปลี่ยนผ้าครอง เปิดโอกาสให้ญาติโยมกราบสังขาร ลงกระหม่อม เพื่อความเป็นมงคล

ล่วงถึงวันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 ทำพิธีรื้อกุฏิเก่า พร้อมดำเนินงานสร้างวิหารหลวงพ่อพูล น้อมถวายบูชาคุณ ประกาศคุณงามความดี ถวายความกตัญญูกตเวที มีลักษณะแบบวิหารสถาปัตยกรรมไทย ยอดทรงมณฑป หลังคาจัตุรมุข หน้าบัน ได้รับพระราชทานพระราชานุญาต อัญเชิญพระปรมาภิไธยย่อ “วปร” พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 10 และอักษรพระนามย่อ “พภ” สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี อักษรพระนามย่อ “สร” สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา อักษรพระนามย่อ “ทป” สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ประดิษฐานเพื่อความเป็นสิริมงคลภายในวิหารประดิษฐานพระประธาน พระพุทธเมตตาประทานพร

“บัดนี้สังขารหลวงพ่อพูล เกิดอัศจรรย์ปาฏิหาริย์  มีการเปลี่ยนแปลงมาเป็นระยะในแต่ละปี ภาพที่เห็นเหมือนเดิมทุกประการ เริ่มจากแห้งจนแข็งเห็นเป็นหิน เนื้อผิวกลับกลายเป็นสีดำนิล จากปีสู่ปี สรีระสังขารได้เริ่มแปรเปลี่ยนกลายเป็นสีทอง มองจากมุมแขนด้านขวาปรากฏประกายสีทองมันวาวเหลืองอำไพ สะท้อนแสงจากองค์ท่าน บ่งชี้ว่า บัดนี้กายท่านเป็นสีทองผ่องธรรมอร่ามพุทธคุณอย่างน่าตะลึงแก่ผู้คนที่มาสักการะกราบไหว้บูชายิ่งนัก ประจักษ์พยานดังกล่าวนี้ มีนัยยะถึงความศักดิ์สิทธิ์ในองค์ท่านอย่างแท้จริง” หลวงพี่น้ำฝน กล่าว

สาธุชนทุกท่านที่มากราบสักการบูชา นับเป็นบุญวาสนา ชักนำพาให้ชีวิตการงานเจริญก้าวหน้า ค้าขายดีมีกำไร สุขภาพแข็งแรง ร่ำรวย มั่งมี โชคดีมีความสุข ประสบความสำเร็จสมปรารถนาทุกประการ

ผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถาม ติดตามข้อมูลข่าวสาร และกิจกรรมต่างๆ ของวัดไผ่ล้อม (หลวงพ่อพูล) จ.นครปฐม ได้ที่ https://web.facebook.com/watpailom.np หรือสอบถามรายละเอียด โทร. 085-4156464 และ 061-7826264 /  line id : 085-4156464

,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,

thairnews: