สูญนับล้าน!! “ช.อ้น ณ.บางช้าง” ร็อกเกอร์์รุ่นเก๋าพาลูกบุญธรรมนักธุรกิจ เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน บก.ปอศ.

0
773

ให้ดำเนินคดีกับผู้ที่สร้างพระธาตุและใบอนุโมทนาบุญปลอม ทำให้ตนกับเพื่อนที่ร่วมทำบุญ สูญเงินไปนับล้านบาท  

วันนี้ (21 ก.ค. 63) เวลา 11.00 น. ที่ บก.ปอศ.กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ได้มี ช.อ้น ณ.บางช้าง อดีตนักดนตรีร็อกเกอร์รุ่นเก๋าวัย 74 ปีพร้อมด้วย น.ส.พัสกร ยาชูชีพ อายุ 45 ปีบุตรบุญธรรมนักธุรกิจจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง พร้อมเพื่อนๆ ที่ถูกหลอกให้ร่วมทำบุญบูชาพระบรมสารีริกธาตุ แจ้งความต่อ พ.ต.ท.หญิงศุภรดา วุฒิธนาพร รอง.ผกก.4.บก.ปอศ. หัวหน้ากลุ่มพนักงานสอบสวน

นส.พัสกร เล่าว่า ตนไปทำบุญที่วัดถ้ำเขาวง อ.หนองน้ำแดง จ.นครราชสีมา และเจอกับนายแจ๊ค นามสมมุติที่รู้จักกันมาประมาณ 2 ปี ชักชวนให้ทำบุญพระบรมสารีริกธาตุ มีราคาตั้งแต่ 5 หมื่นบาทถึง 1 แสนบาท โดยอ้างว่านั่งสมาธิแล้วพระธาตุเสด็จมาที่บ้าน ตนกับเพื่อนหลงเชื่อจึงทำบุญถวายเงินไปรวม 200,000 บาท และได้พระธาตุกลับมาจำนวน 10 ชิ้น นำมาบูชาที่บ้านพร้อมกับใบอนุโมทนาบัตร แต่ภายหลังพบว่าพระธาตุที่ได้รับมามีสีสันวิบวาวกว่าปกติ ต่างจากพระธาตุที่เคยเห็น จึงนำไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจดูด้วยสายตาพบว่าเป็นพระธาตุปลอม จึงตัดสินใจนำไปให้สำนักงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชั้นสูง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ตรวจสอบพบว่า องค์ประกอบในพระธาตุดังกล่าวทำมาจากทองแดง หิน กรวด เรซิ่น รวมทั้งเกลือ ไม่ใช่กระดูกหรือสรีระจริงแต่อย่างใด จากนั้นได้นำใบอนุโมทนาบัตรให้ฝ่ายบัญชีของบริษัทตรวจสอบ ยืนยันว่าเป็นใบอนุโมทนาบัตรที่ไม่สมบูรณ์ เมื่อมั่นใจว่าถูกหลอกจึงเข้าแจ้งความในวันนี้ นอกจากกลุ่มตนเองแล้วยังมีนักธุรกิจอีกหลายรายที่ถูกหลอกให้ร่วมทำบุญแต่ไม่กล้าออกมาเป็นข่าวกลัวเสียหน้าอีกนับล้านบาท

โดยวันนี้ ตนได้นำหลักฐานมีใบรับรองการตรวจผลจากห้องแล็ปของทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต จำนวน 10 ฉบับระบุเป็นเรซิ่น และกรวดสีธรรมดาไม่ใช่ชื้นส่วนของกระดูก และใบอนุโมทนาบัตรของวัดต่างๆ มอบให้พนักงานสอบสวนไว้ เพื่อประกอบการดำเนินคดีต่อไป

ต่อมาเวลา 15.00 น. ช.อ้น ณ.บางช้าง พาน.ส.พัสกร ยาชูชีพ พร้อมทีมทนายความและเพื่อนๆ ที่ถูกหลอกร่วมทำบุญบูชาพระบรมสารีริกธาตุ เข้ายื่นเอกสารการเข้าแจ้งความกับหัวหน้ากลุ่มพนักงานสอบสวน บก.ปอศ. ถึงนายณรงค์  ทรงอารมณ์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) ที่อาคาร 2 สำนักพำระพุทธศาสนาฯ พุทธมณฑล จ.นครปฐม โดยน.ส.พัสกร กล่าวว่า  ขอให้สำนักงานพระพุทธฯ ให้ความอนุเคราะห์ตรวจสอบใบอนุโมทนาบัตร และขอให้มีการระแวดระวังการจัดพิธีกรรมอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ไม่ทราบว่าทางวัดดำเนินการจัดเองหรือมีบุคคลอื่นแอบอ้างเข้ามาจัดโดยที่ทางวัดไม่ทราบ อยากให้พศ.สร้างความชัดเจนต่อพุทธศาสนิกชนที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา  โดยเฉพาะใบอนุโมทนาบัตรต้นฉบับที่ตนได้มาก็มีข้อสงสัยหลายอย่าง เช่น ไม่มีลายเซ็น บางฉบับก็มีลายสีขาวกรอบเหลือง บางฉบับก็เป็นลายสีเหลือง และบางฉบับก็ไม่มีการลงเลขที่ เล่มที่ ซึ่งตนและเพื่อนๆ มีเจตนาที่จะถวายเงินให้ถึงวัด และวัดได้รับจริงครบจำนวนตามใบอนุโมทนาบัตรหรือไม่  ถ้าเงินไม่ได้เข้าถึงวัดจริง เงินเหล่านั้นจะไปอยู่ที่ไหน ใครเอาไป จึงขอให้มีการตรวจสอบ

“พวกเรามานั่งคุยกันว่าเงินที่บริจาคผ่านคนๆ นี้ รวมแล้วหลายล้านบาท มีทั้งเรื่องทำบุญ เรื่องสร้างพระธาตุ เรื่องทำกิจกรรม เรื่องสร้างถนนของวัด ในจำนวนผู้เสียหายนั้นบอกได้ยากเพราะมาจากหลายกลุ่มไลน์  ถ้ากลุ่มไลน์หนึ่งมี 30 รายชื่อก็อยากให้ทุกคนออกมาช่วยกัน ถ้าเราไม่ออกมาช่วยกันป้องกันพระพุทธศาสนาของเราจะมั่นคงอยู่ได้อย่างไร” น.ส.พัสกร กล่าว

น.ส.พัสกร กล่าวต่อไปว่า ขอให้สำนักพุทธให้ความกระจ่างแก่พวกเราด้วยว่า เมื่อเราบริจาคเงินทำบุญไป ใบอนุโมทนาบัตรควรเป็นแบบไหน มีหลากหลายแบบหรือไม่ และใครคือผู้มีอำนาจเซ็น ใครคือผู้เก็บรักษาเงินนั้น และพวกเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเงินที่เรามีวัตถุประสงค์ถวายให้วัดนั้นเข้าถึงวัดครบถ้วนหรือไม่