คนสองคน บนเส้นทางเลิกยาเสพติด เป็นอย่างไรไปดู !

0
1384

คนสองคน บนเส้นทางเลิกยาเสพติด เป็นอย่างไรไปดู !

​                เจริญพรญาติโยมผู้อ่านทุกท่าน ยาเสพติดมีพิษร้ายทำลายชีวิตและครอบครัว นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในสังคมไทย แต่สถิติการเสพ และการค้ายาเสพติดในประเทศไทยก็ยังมีอยู่มาก เมื่อติดแล้วก็ตกเป็นทาสยา เมื่อหายามาเสพมาสนองมิได้ก็ลงแดง แสดงอาการต่าง ๆ ผิดมนุษย์มนา ทำได้ทุกอย่างเพียงเพื่อให้ได้ยามาเสพ ยาที่เสพก็มีทั้งยาทางการแพทย์ที่นำมาผสมเกินส่วน สารเคมี ไปจนถึงสารพิษมีอันตรายถึงแก่ชีวิต เมื่อเสพแล้วก็ยิ่งตกอยู่ในอำนาจยา บ้างก็หลอนประสาท บ้างก็กดประสาท ขาดความรู้สึกผิดชอบชั่วดี เป็นเหตุแห่งอาชญากรรมต่าง ๆ อันเป็นบ่อนทำลายความสงบสุขของสังคม

​                วัดไผ่ล้อม จังหวัดนครปฐม ซึ่งอาตมา(หลวงพี่น้ำฝน) เป็นเจ้าภาพมีนโยบายอย่างเด็ดขาดในการต่อต้านยาเสพติด นอกจากพระ และเด็กวัดทุกคนจะต้องไม่เข้าไปยุ่งกับยาเสพติดชนิดใด ๆ แล้ว วัดไผ่ล้อมยังเป็นสถานที่บำบัดอาการติดยาอีกด้วย เพราะมีหลายคนที่ไว้วางใจวัดไผ่ล้อมให้เป็นสถานที่อบรมดัดนิสัย ไม่ให้กลับไปหายาเสพติดอีก ซึ่งวัดไผ่ล้อมก็กระทำอย่างจริงจัง มิละเว้น ถือเป็นภารกิจ  “คืนคนดีกลับสู่สังคม”

​                อย่างไรก็ตาม วัดไผ่ล้อมเป็นแค่ส่วนหนึ่งในการเลิกยา ตัวผู้มาเลิกยานั่นแหละสำคัญที่สุด จะเลิกได้ หรือไม่ได้ก็ขึ้นกับตัวคนคนนั้น แต่เท่าที่วัดไผ่ล้อมทำมาตลอดหลายปี เกือบทุกคนเลิกยาได้สำเร็จ และไม่กลับไปหายาเสพติดอีก นี่คือสิ่งที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่ของใจคน ติดได้ก็ต้องเลิกได้ แต่จะเลิกง่ายเลิกยาก ก็ขึ้นกับตัวคนนั้น บางคนเลิกง่ายก็มี บางคนเลิกยาก กว่าจะเลิกได้ก็แทบกระอักก็มีเหมือนกัน

​                ไม่นานมานี้ ที่อาตมามีผู้มาบวชพระ เพื่อต้องการเลิก บำบัดอาการติดยาอยู่สองคน เป็นพระสองรูป สองรูปนี้มีความต่างกัน เป็นเส้นทางสองเส้นที่แม้จะไปบรรจบยังจุดเดียวกัน แต่ก็ต่างกันมาก จะเป็นอย่างไร ไปดู…

รูปแรก มีอาการติดยาเสพติดมาก่อนบวช ตั้งแต่บิดามารดายังมีชีวิตอยู่ จนบิดามารดาจากไปแล้ว เสียเงินเสียทองไปกับยาเสพติด ติดเรื้อรัง เสียผู้เสียคน ต้องไปบำบัดรักษาที่โรงพยาบาล แพทย์ก็พบว่าติดยาอย่างหนัก ต้องใช้ยาแรง ยาขนานหนัก สุดท้ายจึงอาศัยธงชัยแห่งพระอรหันต์เข้าช่วย หวังจะเลิกยา พระรูปนี้เมื่อเข้ามาบวชแล้วก็นับได้ว่าเป็นพระที่ดี มีความอดทนอดกลั้นต่ออาการต่าง ๆ จนสุดท้ายอาการติดยาก็ทุเลาลงถึงขั้นสามารถลดยาที่รับประทานได้ ถือเป็นแนวโน้มที่ดี นี่คือตัวอย่างของคนที่ตั้งใจเลิกยาจริง ๆ ประกอบกับเมื่อได้ใช้ชีวิตในร่มกาสาวพัสตร์อย่างเข้มข้น จริงจัง ก็สามารถออกห่างจากยาเสพติดได้จริง

​                ส่วนอีกรูปหนึ่ง อาตมาเรียกเลยว่าเป็นประสบการณ์หฤหรรษ์ครั้งหนึ่งของวัดไผ่ล้อม ผู้ปกครองพามาฝากให้วัดไผ่ล้อมช่วยดัดนิสัยให้เลิกยา เพราะพาไปบำบัดรักษาทางการแพทย์อย่างไร ก็กลับไปเสพยาอีก หนีการบำบัดเอย อะไรเอย เรียกได้ว่ามีกี่วิธี จะยากลำบากเพียงใด ถ้าทำให้ได้เสพยาก็ทำได้ทั้งนั้น ผู้ติดยาไม่ให้ความร่วมมือกับการบำบัดรักษาเลย เห็นจะมีทางเลือกสุดท้ายคือการใช้ธงชัยแห่งพระอรหันต์เข้าช่วย จึงนำเข้ามาให้บวชหวังจะบำบัด เท่านั้นและญาติโยมผู้อ่านทุกท่าน อาตมาได้พบกับสารพัดอุบายที่จะทำให้ได้เสพยา ชนิดที่เรียกว่า เพื่อให้ได้เสพยาต้องทำขนาดนี้เชียวหรือ และไม่ใช่แค่อุบายเดียว หลายครั้งหลายหนจนอาตมาต้องยกเป็นอุทาหรณ์ขึ้นเล่าเลย

​                วันหนึ่ง พระใหม่ขอไปโรงพยาบาล บอกว่าจะไปพบแพทย์เพื่อบำบัดอาการ แต่อาตมารู้ทัน รู้ว่าถ้าให้ไปอะไรจะเกิดขึ้น เพราะมันเคยเกิดขึ้นมาแล้ว อาตมาทำการบ้านมา ว่าเดี๋ยวก็จะโทรเรียกเพื่อนมาแอบรับระหว่างทาง ไปเสพยากันอีก ไม่ได้ไปโรงพยาบาลจริง ๆ อาตมาก็เลยไม่ให้ไป ให้อยู่วัดนี่แหละ มามุกนี้ยังไงอาตมาก็รู้ทัน

​                เมื่อออกไปเสพยาไม่ได้ ก็เลยกินยาที่หมอสั่งจนเกินขนาด ขึ้นชื่อว่าเป็นยานั้นก็ต้องกินให้ได้ตามขนาดที่หมอสั่ง ถ้ากินเกินขนาดอาจจะเกิดผลอย่างอื่น นี่กินเกินขนาด อาการก็ออก อาตมาก็เห็นความผิดปกติ เลยมิให้ทำแบบนี้อีก เรื่องดันไม่จบ เมื่อยาตัวเองไม่มีแล้ว ไม่รู้จะหาจากที่ใด พระรูปนี้ก็ไปขโมยยาของพระเพื่อนมากินอีก อาตมานี่ยอมใจพระรูปนี้จริง ๆ อยากจะนับถือในสารพัดกลอุบายเพื่อให้ได้มียาเข้าไปในกระแสเลือด แต่ของแบบนี้มันต้องบำบัด อาตมาก็เพียรบำบัดจน ณ ตอนนี้อาการติดยาของพระรูปนี้ก็ดีขึ้น เรียกได้ว่าต้องเหนื่อยต้องน่วมกันทั้งสองฝ่าย กว่าอาการจะดีขึ้นได้

​                เพราะฉะนั้นแล้ว อาการติดยาเสพติดนั้น ใช่ว่าจะเป็นของเลิกไม่ได้ ผู้ติดยาเสพติดก็คือคนป่วย มิใช่อาชญากรอุกฉกรรจ์ ควรได้รับการบำบัดรักษาเพื่อกลับคืนสู่สังคม เพียงแต่ว่าจะเลิกยากเลิกง่ายก็ขึ้นกับความร่วมมือของผู้ติดยาเอง สิ่งที่เกิดขึ้นที่วัดไผ่ล้อมนี้ทำให้อาตมายิ่งแน่ใจว่า คนเรามีจิตใจที่แกร่งพอจะหลุดพ้นจากการเป็นทาสของยาเสพติดได้จริง ๆ ขอเพียงใจมุ่งมั่น และอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม หลายคนถามว่า อาตมาไม่กลัวหรือว่าคนจะมองว่าวัดไผ่ล้อมเต็มไปด้วยคนขี้ยา อาตมาก็ขอตอบว่า พระเหล่านี้เคยขี้ยามาก่อน เขาก็คือคนปกติเหมือนเราทุกคน แต่หลงผิดไปตกเป็นทาของยาเสพติด เรากำลังบำบัดรักษา ช่วยจัดสภาพแวดล้อมให้พระเหล่านั้นได้เอาชนะการเป็นทาสยาเสพติดได้อย่างเด็ดขาด ทุกคนควรเห็นใจและเอาใจช่วยให้ผู้เคยหลงผิดได้กลับเป็นคนใหม่ กลับคืนเป็นคนดีของสังคม มีคุณค่าโดยไม่ต้องพึ่งยาเสพติด ปัจจัยทุกบาททุกสตางค์ที่มีผู้ศรัทธาทำบุญกับวัดไผ่ล้อม ถือว่ามีส่วนช่วยคืนคนดีสู่สังคม จึงขออนุโมทนาไว้ ณ ที่นี้ด้วย

​                สำหรับใครที่กำลังจะหลงผิด เดินเข้าสู่เส้นทางของยาเสพติด ขอให้รู้ไว้ว่า นั่นคือทางนรก จะหนีขึ้นมานั้นเรียกว่ายาก ต้องใช้ความพยายาม ไม่ง่ายเลย ก็ขอให้เลือกเอาเถิดว่าจะเอาทางไหน มนุษย์เรานี้มีโอกาสเลือกทางเดินชีวิตของตนแล้ว จงเลือกทางเดินให้ถูกต้องเถิด ขอเจริญพร