กองปราบฯ เปิดยุทธการกวาดลานวัด ล้างบางผู้แฝงตัวบวชพระหนีคดี รวบได้แล้ว 3 อนาจารเด็กหญิง- ร่วมกันพยายามฆ่า- ร่วมกันฉ้อโกง

0
1070

วันนี้ (13 ก.พ.2562) เวลา 16.00 น. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก.2 บก.ป. พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.3 บก.ป. พ.ต.อ.วิจักขณ์  ตารมย์  รรท.ผกก.สนับสนุน บก.ป. และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ บก.ป. ร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับที่บวชเป็นพระภิกษุตามวัดต่างๆ ทั้งในพื้นที่ กทม.และต่างจังหวัดตามแผน “ ยุทธการกวาดลานวัด ” โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดได้จำนวน 18 คน แยกเป็นประเภทความผิด 4 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มที่ 1 คดีความผิดเกี่ยวกับชีวิต ร่างกาย และเพศ จำนวน 4 ราย กลุ่มที่ 2 คดีเกี่ยวกับทรัพย์ จำนวน 9 ราย กลุ่มที่ 3 คดีความผิดพิเศษ จำนวน 1  ราย กลุ่มที่ 4 คดีความผิดที่รัฐเป็นผู้เสียหาย จำนวน 4 ราย

สำหรับผู้ต้องหาที่ทางกองปราบฯจับกุมได้นั้น มีคดีที่น่าสนใจจำนวน 3 คดี โดยคดีแรก เจ้าหน้าที่ได้จับกุม นายมนัส ชะบา หรือ พระมนัส สุจิตโต อายุ 44 ปี  ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ จ.446/2561 ลงวันที่ 13 กรกฎาคม 2561  ข้อหา “กระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยเด็กนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้”

ทั้งนี้สืบเนื่องจากต้นปี 2561 นายมนัส ซึ่งขณะนั้นบวชเป็นพระลูกวัดอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในพื้นที่ กทม. ได้ก่อเหตุกระทำอนาจารเด็กหญิงวัย 10 ขวบ ซึ่งอาศัยอยู่กับยายในเพิงพักของคนงานก่อสร้างใกล้กับวัด โดยก่อนเกิดเหตุพระมนัสเห็นว่า ที่บ้านพักของ ผู้เสียหายนั้นเปิดเป็นร้านขายของชำ จึงทำทีสั่งของจากร้านแล้วให้ผู้เสียหายนำมาส่งมอบให้ที่กุฏิภายในวัด เมื่อผู้เสียหายมาถึงพระมนัส ก็ได้ใช้กำลังปลุกปล้ำ กอดจูบลูบคลำ ผู้เสียหายจึงพยายามขัดขืนก่อนจะดิ้นหลุดวิ่งหนีเอาตัวรอดออกมาจากกุฏิได้ ก่อนนำเรื่องไปบอกให้กับทางผู้ปกครองทราบ ก่อนจะมีการแจ้งความจนมีการออกหมายจับดังกล่าว ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้สืบทราบว่าภายหลังก่อเหตุพระมนัส พระมนัส ได้ไหวตัวทัน ก่อนจะหลบหนีไปจำวัดอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมา จึงนำกำลังเข้าทำการจับกุมตัวได้ดังกล่าว

สำหรับคดีน่าสนใจลำดับที่ 2 เจ้าหน้าที่จับกุม นายบุญชู  จำปาศรี หรือพระบุญชู อายุ 48 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดระยองที่ จ.29/2557 ลงวันที่ 21 มกราคม 2557  ข้อหา “ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น”  ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2547 เวลา 15.30 น. นายบุญชู ได้ร่วมกับเพื่อนหญิงอีกจำนวน 1 คน ซึ่งถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ ได้ก่อเหตุใช้ขวดปากฉลามแทงคู่อริรายหนึ่งจนได้รับบาดเจ็บสาหัสที่บริเวณท้อง ก่อนจะแยกย้ายกันหลบหนี ก่อนที่ต่อมาเจ้าหน้าที่จะสามารถติดตามจับกุมหญิงสาวที่ร่วมกันก่อเหตุได้แล้วคงเหลือนายบุญชู ผู้ต้องหารายนี้เพียงคนเดียว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้กระจายกำลังลงพื้นที่สืบหาเบาะแส กระทั่งทราบว่าภายหลังก่อเหตุนายบุญชูได้หลบหนีมาบวชเป็นพระอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดกาฬสินธุ์ จึงนำกำลังเข้าทำการจับกุมตัวได้ดังกล่าว นอกจากนี้จากการตรวจสอบประวัติของนายบุญชู ยังพบว่ามีหมายจับในคดีฆ่าผู้อื่น ติดตัวอีก 1 คดี ซึ่งได้หลบหนีคดีดังกล่าวมานานกว่า 15 ปี กระทั่งมาก่อเหตุล่าสุดจนนำมาซึ่งการถูกจับกุมตัวดังกล่าว

และอีกคดีน่าสนใจลำดับที่ 3 เจ้าหน้าที่ได้จับกุม นายก้องชัชพงษ์  สุวรรณพรรค หรือ พระก้องชัชพงษ์ อายุ 35 ปี  ตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงคำที่ 388/2556 ลงวันที่  11 ตุลาคม 2556  ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน”  และหมายจับศาลอาญาที่ 636/2558 ลงวันที่ 30 มีนาคม 2558 ข้อหา “ร่วมกันโฆษณาข้อความที่เป็นเท็จหรือเกินความจริง และร่วมกันฉ้อโกงประชาชน” ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อประมาณปี 2556 ขณะที่นายก้องชัชพงษ์  ยังไม่ได้บวชเป็นพระนั้น ได้มีพฤติการณ์โฆษณาหลอกขายแพคเกจทัวร์ท่องเที่ยวเกาหลีและประเทศต่างๆ จนมีผู้เสียหายหลงเชื่อซื้อทัวร์กับนายก้องชัชพงษ์ เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อถึงกำหนดผู้เสียหายกลับไม่สามารถเดินทางได้ตามที่ตกลงกันไว้ เมื่อถูกทวงถามก็จะพยายามบ่ายเบี่ยงก่อนจะขาดหายการติดต่อไปในที่สุด ผู้เสียหายจึงได้รวมตัวกันเข้าแจ้งความจนมีการออกหมายจับ ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้สืบทราบว่าภายหลังก่อเหตุนายก้องชัชพงษ์ ได้หลบหนีคดีมาบวชเป็นพระอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดสงขลา จึงนำกำลังเข้าทำการจับกุมตัวได้ดังกล่าว

โดย พล.ต.ต.จิรภพ กล่าวว่า สำหรับ “ ยุทธการกวาดลานวัด ” เป็นไปตามนโยบายของ พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบช.ก. ที่ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบฯ บูรณการกำลังหน่วยงานต่างๆ ในสังกัด บช.ก. ตรวจสอบข้อมูลบุคคลที่มีหมายจับทั่วประเทศ ที่ได้หลบหนีคดีด้วยการไปบวชเป็นภิกษุสงฆ์ตามวัดหลายแห่งในหลายจังหวัด เนื่องจากบุคคลเหล่านี้ถือเป็นบุคคลที่ทำให้พระพุทธศาสนาเสื่อมหมอง อย่างไรก็ตามจากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดพบว่าส่วนใหญ่ให้การรับสารภาพและยอมรับว่ามีจุดประสงค์ที่จะบวชพระเพื่อหนีคดีทั้งสิ้น โดยต่อจากนี้ จะมีการขยายผล ตรวจหาหมายจับค้างเก่าของคนร้ายบางส่วนเพิ่มเติมว่ามีหรือไม่ พร้อมส่งตัวกลับไปดำเนินคดีในโรงพักท้องที่เจ้าของคดี ทั้งนี้ จึงขอฝากประชาสัมพันธ์ไปยังวัด หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบวชในด้านต่างๆ ให้ช่วยกันตรวจสอบประวัติของผู้ที่จะเข้ารับการบวชว่ามีเคยต้องประวัติคดีทางอาญาใดหรือไม่ หากพบข้อมูลสามารถแจ้งเบาะแสให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันที

เจริญผล เอี่ยมพึ่ง รายงาน

…………………………………………………………………………………………………………