กลุ่มผู้สมัครพรรคพลังปวงชนชาวไทย ร้องกองปราบฯ ให้ดำเนินคดีกรรมการบริหารพรรค ฯ ปมหลอกให้ออกเงินหาเสียงก่อนแต่กลับไม่ได้รับเงินคืน

0
700

เมื่อ​วันที่​ 3 เม.ย. 2562 เวลา 11.00 น. ที่กองปราบปราม  นายสุบัน สุวรรณรัตน์ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังปวงชนไทย (พลท.) เขต 4 จังหวัดสงขลา​ พร้อมด้วย​ นายนพดล เอมบัณฑิตย์ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังปวงชนไทย (พลท.) เขต 4 จ.สุพรรณบุรี อดีตประธานสภา อบต.องค์พระ จ.สุพรรณบุรี และกลุ่มผู้สมัคร​ส.ส.พรรคพลังปวงชนชาวไทย กว่า 50 ราย เดินทางเข้าพบ พัน​ตำรวจ​โท​ ภูมิรพี สังข์ทอง รองผู้กำกับ​การ​สอบสวน​ กอง​กำ​กับการ​ 2 กอง​บังคับการ​ปราบปราม​ (รอง​ผกก.สอบสวน กก.2 บก.ป.)​  เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับกรรมการบริหารพรรคพลังปวงชนไทย (พลท.)  ในฐานความผิดฉ้อโกง หลังหลอกให้สมัครเป็นสมาชิกพรรคฯ สัญญาว่าจะให้ค่าใช้จ่ายสำหรับหาเสียงรายละ 1.5 ล้านบาท แต่ลูกพรรคต้องสำรองค่าใช้จ่ายดำเนินการเองทั้งหมดก่อน แต่พอเลือกตั้งเสร็จกลับไม่ได้เงินตามที่ตกลงกันไว้

นายสุบันฯ กล่าวว่า สืบเนื่องมาจากทางกรรมบริหารพรรคฯ ได้ชักชวนให้ตนและผู้เสียหาย ซึ่งมาจากหลากหลายสาขาอาชีพ ร่วมสมัครเป็นสมาชิกพรรคฯ รวมทั้งให้ลงสมัคร ส.ส.สังกัดพรรคพลังปวงชนไทย ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา โดยยื่นข้อเสนอว่า หากมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคฯ​ จะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย โดยทางพรรคฯ​ จะออกค่าใช้จ่ายให้คนละ 1.5 ล้านบาท  เป็นงบประมาณตามที่ กกต. กำหนด แต่กลายเป็นว่า ลูกพรรคทั้งหมด 269 ราย ที่ลงรับสมัครตำแหน่ง ส.ส.เขตทั่วประเทศ ต้องนำเงินส่วนตัวสำรองจ่ายก่อน แต่เมื่อทวงถามไป ทางพรรคฯก็บ่ายเบี่ยงอ้างว่าจะชดเชยคืนให้เรื่อยมา จนถึงปัจจุบันยังไม่มีใครได้รับเงินคืน หรือคืนไม่ครบตามวงเงินที่กำหนด ทั้งที่ทาง กกต.ได้มอบเงินสนับสนุนพรรคกว่า 30 ล้านบาทเรียบร้อยแล้ว  อย่างไรก็ตามตนและลูกพรรคฯ​ บางส่วน เคยไปร้องเรียนกับคณะกรรมการเลือกตั้ง​ (กกต.) ร้องขอให้ยุบพรรค พลม.เนื่องจากกรรมการบริหารพรรคผิดสัญญา

สอดรับกับทางนายนพดล เอมบัณฑิตย์ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังปวงชนไทย​ (พลท.) เขต 4 จ.สุพรรณบุรี อดีตประธานสภา อบต.องค์พระ จ.สุพรรณบุรี เปิดเผยว่า กรณีที่เกิดขึ้นส่งผลให้เกิดความเสียหาย ผู้สมัคร ส.ส.เขตทั่วประเทศ บางรายต้องลาออกจากอาชีพเดิมที่ทำอยู่ เพื่อให้มีคุณสมบัติตรงตามระเบียบคณะกรรมการเลือกตั้ง​ (กกต.) ที่กำหนดไม่ให้ผู้สมัครเข้ารับตำแหน่ง ส.ส. ดำรงตำแหน่งหรือประกอบอาชีพอื่นๆ และออกเงินค่าใช้จ่ายการเลือกตั้งเองจนเป็นหนี้สิน ขณะที่ ที่ทำการพรรคสาขา จ.สุพรรณบุรี ได้รับผลกระทบเพราะสมาชิกไม่สามารถรวบรวมเงินมาจ่ายค่าเช่า และยังถูกตัดไฟจนต้องปิดตัวลง อย่างไรก็ตามการรวมตัวครั้งนี้ไม่ใช่มติของทางพรรคฯ แต่เดินทางมาด้วยความสมัครใจไม่มีใครชี้นำ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทราบว่าตัวแทนพรรคฯประจำสาขา จ.สุรินทร์ และอื่นๆ ได้แจ้งความร้องทุกข์กับโรงพักในท้องที่เรียบร้อยแล้ว  โดยต่อจากนี้ทางเราจะเดินทางไปยังที่ทำการ กกต. เพื่อยื่นเรื่องร้องเรียนต่อไป ทั้งนี้หากทางพรรคถูกทาง กกต.วินิจฉัยให้ยุบพรรคฯ ทางเราพร้อมยอมรับความจริงและขั้นตอนของกฎหมาย เพราะเรายังมีหลักฐานการฉ้อโกงของกรรมการบริหารพรรคด้วย

เบื้องต้น พนักงานสอบสวนรับเรื่องร้องทุกข์ไว้พร้อมสอบปากคำผู้แจ้งความ ก่อนรวบรวมพยานหลักฐานและรายงานเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาดำเนินการต่อไป

ทั้งนี้มีรายงานว่า ขณะที่กลุ่มผู้เสียหายกำลังแจ้งความ  นายประเทศ ทับทิมหิน รองหัวหน้าพรรคฯ ได้เดินทางมาเพื่อเจรจา โดยระบุว่า ทางพรรคยังไม่ได้รับเงินสนับสนุนจาก กกต. ตามที่อดีตผู้สมัครบางส่วนกล่าวอ้าง  เป็นความเข้าใจผิด  ส่วนกรณีที่สมาชิกพรรคเปิดเผยภาพนายนิคม ไปเข้าพบกับนายทักษิณ นั้นเป็นภาพเก่ากว่า 10 ปีแล้ว ไม่ใช่ภาพปัจจุบัน ซึ่งนายนิคม มีความสนิทสนมกับนายทักษิณ และชอบไปทำบุญร่วมกัน ต่อจากนี้ทางพรรค เตรียมที่จะแจ้งความดำเนินคดีกลับฐานแจ้งความเท็จ และหมิ่นประมาททำให้พรรคเสื่อมเสียชื่อเสียงต่อไป

Cr.เจริญ​ผล​ เอี่ยม​พึ่ง

สุรเชษฐ​ ศิลา​นนท์​ ​รายงาน​

,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,