“กรณ์”ยอมรับ เจอเพจลวง ห่วงอดีตพระอภิชาตไม่ปลอดภัย พระสายปฏิบัติ ชี้ผู้โพสต์เท็จต้องมีเจตนาแอบแฝง เตือนชาวพุทธอย่าโง่

0
1278

จากเหตุการณ์เจ้าหน้าที่บุกเข้าจับกุมตัว พระมหาอภิชาต ปุณฺณจนฺโท ขณะดำรงสมณเพศเป็นพระภิกษุ จากนั้นนำไปให้เจ้าคณะปกครองทำพิธีลาสิกขาบท ที่วัดเบญจมบพิตร กรุงเทพฯ ก่อนพาตัวไปดำเนินการทางกฎหมายในฐานความผิดเป็นภัยต่อความมั่นคง โดยไม่มีการเปิดเผยว่ามีการควบคุมตัวไว้สถานที่ใด ส่งผลให้เกิดการเคลื่อนไหวในกลุ่มชาวพุทธต่างๆ ผ่านสื่อออนไลน์ต่างๆ ที่เรียกร้องให้มีการเปิดเผยว่า พระมหาอภิชาตยังปลอดภัยดีหรือไม่ ต่อมาเมื่อค่ำวันที่ 24 ก.ย. เพจเฟสบุ๊คของนายกรณ์ มีดี ได้มีการโพสต์แจ้งข่าวเรื่อง นายอภิชาตหรือดีตพระอภิชาตปลอดภัย พร้อมมีการโพสต์ภาพถ่ายประกอบในลักษณะแต่งกายชุดขาวกำลังปฏิบัติธรรมหลายภาพด้วย

เพจส่วนตัวของนายกรณ์ ระบุด้วยว่า เนื่องจากได้รับคำยืนยันจากพระรูปหนึ่งที่เสมือนน้องชายนายอภิชาตที่เฝ้าติดตามด้วยความเป็นห่วงว่า นายอภิชาตได้แอดมาหาเอง และมีการโพสต์แถลงยืนยันว่า ลักษณะการถ่ายภาพ การใช้อักษร สำนวนการเขียน ทำให้มั่นใจว่า ใช่นายอภิชาตแน่ พร้อมทั้งยืนยันอีกว่า นายอภิชาตกำลังปฏิบัติธรรมอยู่ ตนจึงมั่นใจว่าปลอดภัยดีแล้วจึงแจ้งข่าวว่าปลอดภัยตามนั้น แต่มาภายหลังเริ่มไม่แน่ใจ เนื่องจากเพจเฟสบุ๊คดังกล่าวได้ปิดตัวหายไป ดังนั้นคงต้องรอเจอตัวจริงเพื่อยืนยันอีกครั้ง จึงจะเชื่อมั่น

ด้านพระสายปฏิบัติที่เคยแสดงธรรมโปรดญาติโยมทางสื่อออนไลน์ว่า “พระรูปเดียวสึกจะเป็นไรไป!! เรื่องพระธรรมวินัยเป็นเรื่องที่ละเอียดกว่ากฎหมาย ถ้าพระประพฤติอยู่ในกรอบแห่งธรรมแห่งวินัย พระจะไม่มีวันผิดกฎหมาย” ได้ออกแสดงข้อคิดเห็นต่อกรณี “เพจลวง” ดังกล่าวว่า ทำเพจลวงหรือ ? เจ้าหน้าที่รัฐจะโง่ขนาดนั้นเชียวหรือ เขาไม่รู้หรือว่า ถ้าทำเพจลวง คนก็จะจับได้ เพราะความลับไม่มีในโลก ยิ่งจะขาดความน่าเชื่อถือ หากเป็นเจ้าหน้าที่รัฐทำเช่นนั้นจริง จะยิ่งสร้างความเสื่อมเสียให้แก่รัฐอีกมากมายเรื่องนี้คงซับซ้อนกว่านั้น อยู่ ๆ มีรูปอดีตพระใส่ชุดขาวมาเป็นนายแบบเดินจงกรม เอามือขัดหลังซึ่งเป็นท่าที่ผิดธรรมเนียมปฏิบัติด้วย แถมเขียนคำสารภาพบาปสำนึกผิด เหมือนกับมีดวงตาเห็นธรรมเพียงชั่วข้ามคืน มันเป็นเรื่องที่ยากจะเชื่ออยู่แล้ว

พระสายปฏิบัติแสดงความคิดเห็นอีกว่า เจ้าหน้าที่ต้องรู้ว่า ถ้าหากสร้างภาพเช่นนี้ขึ้นมา ถ้าอดีตพระไม่ได้สำนึกผิดจริง ก็เท่ากับไปบีบบังคับ จะถูกเอาเรื่องนี้ไปเปิดโปงได้ หรืออดีตพระอาจแกล้งสำนึกผิดเพื่อขุดหลุมพรางหลอกเจ้าหน้าที่ เพราะถ้ามีการทำเพจปลอมขึ้นมา ก็ต้องมีเจตนาอื่นแอบแฝงที่ไม่ชอบมาพากลอย่างแน่นอน และผู้ทำเพจปลอมคือใคร ถึงอย่างไรก็อย่าไปใส่ใจ คงเป็นเรื่องสร้างกระแสลับลวงพราง ให้รอดูความจริงจะปรากฏขึ้นเอง

ส่วนเรื่องอดีตพระอภิชาตจะสำนึกผิด หรือไม่สำนึกผิด ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขาคนเดียว ไม่เกี่ยวกับศาสนาอีกต่อไป ไม่จำเป็นต้องสร้างเรื่องมาประกาศหลอกโลกก็ได้ ไม่อยากให้ชาวพุทธหลงประเด็น ไปกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐว่ากลั่นแกล้ง ต้องแยกประเด็นระหว่างเรื่องส่วนตัวของอดีตพระกับเรื่องของศาสนาออกจากกัน อย่าให้เอาไปเชื่อมโยงกัน จะเป็นประเด็นใหม่ขึ้นมาอีก เรื่องที่เกี่ยวพันกับศาสนาจบแล้วตั้งแต่วันที่ได้ลาสิกขาไป ต่อไปนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา จะปลุกระดมให้ใครทำอะไรอย่างไรก็มีสิทธิ์ทำได้ ตราบเท่าที่ไม่ผิดกฎหมาย แต่จะกล้าทำอีกไหม เมื่อไม่มีเสื้อเกราะคือจีวรคอยคุ้มกัน

“ถ้าไม่ได้มาทำอยู่ในความเป็นพระให้ขัดแย้งกับหลักธรรมหลักวินัย เขาอยากทำอะไร ก็ทำไปเถอะ ถือเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา ชาวพุทธจงสงบใจรอดูว่า ปาหี่เรื่องนี้จะจบลงอย่างไร จำหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเอาไว้ให้ดี และนำไปปฏิบัติด้วย คือ จงอย่าเชื่ออะไรง่าย ๆ เพียงแค่ตามองเห็น หูฟังได้ยินเสียง เพียงเท่านั้น มันจะเป็นละครไทยเกินไป ความจริงมันอาจไม่เป็นเช่นที่ตาเราเห็น หรือ อย่างที่หูได้ยิน จงเอาสติปัญญาเข้าไปคิดอ่านตรวจตรองดูเหตุผล ตื้นลึกหนาบางผิดถูกดีชั่วให้ลงใจเสียก่อน ถึงกระนั้น ก็เป็นเพียงแนวโน้มที่น่าจะเป็นเท่านั้น อย่าเพิ่งเชื่อ ให้รอดูความจริงแสดงตัวขึ้นเอง นั่นแหละ ให้เชื่อความจริงอันนี้ พระพุทธเจ้าสอนไว้ อย่าด้นเดาเกาหมัด อย่าคิดเอาเอง มันไม่ใช่ความจริง ชาวพุทธอย่าโง่ให้ใครมาหลอก อย่าเป็นกระต่ายตื่นตูม” พระสายปฏิบัติฝากข้อคิด