กรณีแต่งตั้งเจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทรา : ไม่รู้.. อย่าชี้.. (หลอกด่ามหาเถรสมาคม)
- เรื่องนี้ พาดพิงถึงมหาเถรสมาคมโดยตรง.. ข้อหาแต่งตั้งเจ้าคณะจังหวัดไม่ถูกต้องตามกฎมหาเถรสมาคม..
- ได้มีข่าวการคัดค้านมติมหาเถรสมาคมที่แต่งตั้งเจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทราไปแล้ว.. ด้วยเหตุผลโดยสรุป คือ..
- ๑. สมเด็จพระสังฆราชไม่ได้ทรงเข้าประชุมด้วย
- ๒. เป็นการแต่งตั้งผิดกฎมหาเถรสมาคม เพราะพระที่ได้รับแต่งตั้งมีอธิการณ์อยู่ด้วย
- ๓. เป็นการแต่งตั้งแบบข้ามหัว
- ผมไม่ได้เชียร์ใครเป็นการส่วนตัว.. ดังนั้น ผมไม่ได้อยู่ในกองเชียร์ฝ่ายไหน แต่จะกล่าวถึงว่ามติมหาเถรสมาคมถูกต้องหรือไม่ ? ตามที่ให้ข่าวกันอย่างผิดๆ จนทำให้เกิดความเข้าใจผิดไปด้วย.. และเหล่าสาวกก็ร่วมด่าอย่างสบายมือ..
- จึงต้องเคลียร์ในประเด็นมติมหาเถรสมาคม ตามข้อกฎหมาย.. เพื่อไม่ให้มีการนำไปอ้างอีก.. ดีไม่ดี อาจมีรายการอาฟเตอร์ช๊อคหรือประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกรอบก็ได้.. คณะสงฆ์จะวุ่นวายไปใหญ่ เพราะไม่อ่านข้อกฎหมายให้ดี..
- ขอลำดับความก่อนว่า ในปีที่เสนอแต่งตั้งเจ้าอาวาสวัดโสธรวราราม
- ๑. มีการชุมนุมคัดค้านมติมหาเถรสมาคม โดยกลุ่มพระภิกษุวัด ทั้งที่เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส และลูกวัดส่วนหนึ่ง
- ๒. จากนั้น ก็มีการพักงานพระที่เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส และมีการตั้งกรรมการสอบพระที่มาชุมนุม
- เรื่องนี้ ผมอยู่ในเหตุการณ์ คือ ช่วงสนองงานมหาเถรสมาคมอยู่..
- การตั้งกรรมการสอบสวนเป็นไปตามข่าว.. จึงยังคิดว่า พระที่ถูกสอบทั้งหมดนั้นยังมีอธิกรณ์อยู่ (เรื่องถูกสอบ)
- แต่ท่านไม่ได้ทราบว่า เมื่อเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ถึงมรณภาพ มหาเถรสมาคมได้เห็นชอบให้แต่งตั้ง เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดไตรมิตรวิทยาราม กทม. ให้ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก แทน..
- ต่อมา เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออกเห็นว่า เรื่องสอบอธิกรณ์เนิ่นนานเกินไป จึงได้เสนอมหาเถรสมาคม เพื่อคืนตำแหน่งแก่พระที่ถูกสอบทั้งหมด เรื่องสอบและอธิกรณ์จึงเป็นอันยุติไป..
- พระทั้งหมดที่ถูกสอบ จึงถือว่า พ้นอธิกรณ์ไปแล้ว.. ไม่มีอธิกรณ์อีกต่อไป..
- ตรงนี้ ผู้ไม่ติดตามข่าวจะไม่ทราบ.. หรือทราบแต่ไม่เข้าใจความหมายว่า การคืนตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาส คือ การพ้นอธิกรณ์แล้ว.. ไม่มีคดีติดตัวต่อไป..
- เมื่อมีการเสนอ แต่งตั้งพระที่ถูกสอบในช่วงนั้น ให้ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทรา ผู้เสนอตามกฎมหาเถรสมาคม คือ เจ้าคณะภาค ๑๒ โดยจะต้องเสนอผ่านเจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก พิจารณานำเสนอมหาเถรสมาคม.. เจ้าคณะใหญ่เห็นว่า มีคุณสมบัติครบ จึงนำเสนอมหาเถรสมาคม และมหาเถรสมาคมมีมติอนุมัติ.. ขั้นต่อไป สำนักพุทธฯ จะทำพระบัญชา กราบทูลสมเด็จพระสังฆราชลงพระนามแต่งตั้ง ตามมติมหาเถรสมคม..
- การเสนอแต่งตั้งเจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทรา มีขั้นตอนเพียงเท่านี้.. และมติมหาเถรสมาคมไม่มีขั้นตอนใดผิด..
- “จะผิดก็ตรงที่ไม่ถูกใจอีกฝ่ายที่เชียร์อีกรูปหนึ่ง.. และอีกคนที่ไม่ศึกษากฎมหาเถรสมาคมให้ดีพอ.. หรือรู้แต่ทำไม่รู้ แกล้งด่าตามน้ำไปเลย ทั้งที่รู้ว่าถูกต้อง.. ระดับนี้แล้ว ไม่น่าพลาดหรอก ยกเว้นเจตนาให้เห็นผิด แล้วสาวกก็ช่วยกันด่ามหาเถรสมาคม.. เรียกว่า..
- ได้อย่างเสรี..! โดยไม่มีใครห้ามปราม..!
- ส่วนกรณีที่มีผู้อ้างข้างต้นแบบข้างๆ คูๆ คือ..
- ๑. สมเด็จพระสังฆราชไม่ได้ทรงเข้าประชุมด้วย
- ๒. เป็นการแต่งตั้งผิดกฎมหาเถรสมาคม เพราะพระที่ได้รับแต่งตั้งมีอธิการณ์อยู่
- ๓. เป็นการแต่งตั้งแบบข้ามหัว
- ขอเรียนว่า..
- ๑. การประชุมมหาเถรสมาคมทุกครั้ง ไม่จำเป็นที่สมเด็จพระสังฆราช จะต้องเข้าประชุมทุกครั้ง เพราะบางครั้ง พระองค์มีกรณียกิจอื่นที่สำคัญและจำเป็น ไม่สามารถเข้าร่วมประชุมได้ ผู้ค้านด้วยเหตุผลข้อนี้ ก็ทราบดีว่า ถ้าสมเด็จพระสังฆราช ก็จะมีสมเด็จพระราชาคณะที่มีอาวุโสตามลำดับปฏิบัติหน้าที่แทน หลักการนี้เป็นหลักสากลทั่วโลก ถ้าผู้ค้านไม่รู้ก็ไปอ่านซะ (คิดว่ารู้แล้วมากกว่า แต่ขอด่าเพื่อความสะใจ)
- ๒. เรื่องที่พระที่ได้รับแต่งตั้งมีอธิการณ์อยู่ ทางรายการทีวีไทยพีบีเอสก็ไม่ทราบเรื่องคืนตำแหน่ง และหลวงพ่อเจ้าอาวาสอาจจะลืมไป จึงให้สัมภาษณ์ว่า มีอธิกรณ์อยู่ (ตามที่ผมอธิบายในข้อ ๒ ข้างต้น)
- ๓. เป็นการแต่งตั้งแบบข้ามหัว
- ตรงนี้ ต้องอธิบายว่า การแต่งตั้งเจ้าคณะจังหวัดหรือรองเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะภาคจะเป็นผู้พิจารณาเสนอ ไม่ใช่เจ้าประคุณสมเด็จฯ วัดไตรมิตรวิทยาราม จะเสนอเอง ท่านทราบดี และปฏิบัติถูกต้อง..
- กรณีที่มีการคัดค้านว่า พระที่ได้รับแต่งตั้งไม่เคยดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะจังหวัดมาก่อน.. ผู้คัดค้านคงตั้งใจให้คนอ่านตามว่า ท่านพูดถูก แต่ความจริงแล้ว ไม่จำเป็น..
- เพราะการแต่งตั้งเจ้าคณะจังหวัด มีกฎมหาเถรสมาคมฉบับที่ ๒๔ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ กำหนดไว้ดังนี้
- ข้อ ๑๔ พระภิกษุผู้จะดำรงตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัด ต้องมีคุณสมบัติโดยเฉพาะอีกส่วนหนึ่ง ดังนี้
- (๑) มีพรรษาพ้น ๑๐ กับมีสำนักอยู่ในเขตจังหวัดนั้น และ
- (๒) กำลังดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะจังหวัดนั้นมาแล้วไม่ต่ำกว่า ๒ ปี หรือ
- (๓) กำลังดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอในจังหวัดนั้นมาแล้วไม่ต่ำกว่า ๔ ปี (ตรงนี้ หนังสือกฎหมายสงฆ์หลายเล่ม ระบุเป็น “รองเจ้าคณะอำเภอในจังหวัดนั้น” ซึ่งเป็นการคัดลอกมาผิด ขอให้แก้ไขด้วย) หรือ
- (๔) มีสมณศักดิ์ไม่ต่ำกว่าพระราชาคณะชั้นสามัญ หรือเป็นพระคณาจารย์โทขึ้นไป หรือเป็นเปรียญธรรมไม่ต่ำกว่า ๖ ประโยค
- ถ้าจะคัดเลือกพระภิกษุผู้มีคุณสมบัติตาม (๒) (๓) หรือ (๔) ไม่ได้ หรือได้แต่ไม่เหมาะสม มหาเถรสมาคมอาจพิจารณาผ่อนผันได้เฉพาะกรณี
- และจะต้องมีคุณสมบัติตามข้อ ๖ (เป็นคุณสมบัติทั่วไป /พื้นฐาน ของพระสังฆาธิการทุกรูป (ตามที่นำมาอ้างไว้ท้ายบทความนี้)
- ดังนั้น พระสังฆาธิการที่จำดำรงตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดได้ จะต้องมีคุณสมบัติตามข้อ ๖ ข้อ ๑๔ (๑) และ (๒) หรือ (๓) หรือ (๔)
- สรุปง่ายๆว่า จะต้องมีคุณสมบัติตาม
- ๑. ข้อ ๖ ข้อ ๑๔ (๑) และ (๒) หรือ
- ๒. ข้อ ๖ ข้อ ๑๔ (๑) และ (๓) หรือ
- ๓. ข้อ ๖ ข้อ ๑๔ (๑) และ (๔)
- โดยสรุปเป็นข้อความ คือ จะต้องมีพรรษาพ้น ๓๐ พรรษา และจำพรรษาในจังหวัดนั้น (ตรงนี้บังคับ) และจะต้อง..
- -เป็นรองเจ้าคณะจังหวัดในจังหวัดนั้นมาแล้ว ๒ ปี หรือ
- -เป็นเจ้าคณะอำเภอในจังหวัดนั้นมาแล้ว ๔ ปี หรือ
- -เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ (เจ้าคุณชั้นสามัญ) คณาจารย์โท หรือ จบ ป.ธ. ๖ อย่างใดอย่างหนึ่ง
- ที่มีคำว่า “หรือ” ต่อท้ายทุกข้อ คือ จะมีคุณสมบัติข้อใดข้อหนึ่งใน ๓ ข้อ ก็ได้ เช่น
- แต่งตั้ง พระมหามานพ จนทวํโส อายุ ๖๐ พรรษา ๓๒ ป.ธ. ๖ น.ธ. เอก เป็นเจ้าคณะจังหวัดที่พระมหามานพจำพรรษาอยู่ก็ได้ เพราะมีคุณสมบัติตามข้อ ๖ ข้อ ๑๔ (๑) และ (๔)
- เท่านี้ ก็เป็นไปตามกฎมหาเถรสมาคมแล้ว..
- ดังนั้น การแต่งตั้งพระราชาคณะชั้นราช ให้ดำรงตำแหน่ง เจ้าคณะจังหวัด จึงมีคุณสมบัติครบตามข้อ ๖ ข้อ ๑๔ (๑) และ (๔) ตามกฎมหาเถรสมาคม.. ไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ
- เจ้าคณะภาค ๑๒ ที่ควบคุมดูแลจังหวัดฉะเชิงเทรา จะพิจารณาเองว่า จะเสนอพระรูปใด ให้ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัด ก็ต้องเป็นพระที่มีคุณสมบัติดังกล่าว เสนอเจ้าคณะใหญ่หนตะวันออกคือ เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดไตรมิตรวิทยาราม เพื่อนำเสนอมหาเถรสมาคมอนุมัติ
- ส่วนการจะมีเรื่องขัดแย้งภายในวัด หรือระหว่างกองเชียร์ ผมไม่สามารถบอกได้ว่า ใครผิด ใครถูก.. ? แล้วแต่จะอ้างกัน.. แต่ที่ผมเสนอคือ เรื่องการปฏิบัติตามกฎหมายสงฆ์ เพื่อยืนยันว่า มติมหาเถรสมาคมไม่ผิด..!
- มติมหาเถรสมาคมนั้นถูกต้องแล้ว.. (แต่อาจไม่ถูกใจเท่านั้น)
- สำหรับเจ้าคณะพระสังฆาธิการในประเทศไทย ยังคงกล่าวได้ว่า “หน้าที่ใคร หน้าที่มัน” ขั้นตอนไหนเป็นหน้าที่ใคร ท่านก็ปฏิบัติตามนั้น..
- โดยไม่ต้องร้องขอมาตรา ๔๔ มาจัดการ ให้ยุ่งยาก..
- เรื่องในคณะสงฆ์นั้น ไม่ยุ่งยากหรอกครับ.. ที่ยุ่งยากคือเรื่องนอกคณะสงฆ์.. นั่นแหละ เพราะผลประโยชน์มันไม่เข้าใครออกใคร !
- ————————————–
- อ้างอิง : กฎมหาเถรสมาคมฉบับที่ ๒๔ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ
- ข้อ ๖ พระภิกษุผู้จะดำรงตำแหน่งตามข้อ ๔ ต้องมีคุณสมบัติทั่วไป ดังต่อไปนี้
- (๑) มีพรรษาสมควรแก่ตำแหน่ง
- (๒) มีความรู้สมควรแก่ตำแหน่ง
- (๓) มีความประพฤติเรียบร้อยตามพระธรรมวินัย
- (๔) เป็นผู้ฉลาดสามารถในการปกครองคณะสงฆ์
- (๕) ไม่เป็นผู้มีร่างกายทุพพลภาพไร้ความสามารถ หรือมีจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ หรือเป็นโรคเรื้อน หรือเป็นวัณโรคในระยะอันตรายจนเป็นที่น่ารังเกียจ
- (๖) ไม่เคยต้องคำวินิจฉัยลงโทษในอธิกรณ์ที่พึงรังเกียจมาก่อน
- (๗) ไม่เคยถูกถอดถอนหรือถูกปลดจากตำแหน่งใด เพราะความผิดมาก่อน
- ข้อ ๑๔ พระภิกษุผู้จะดำรงตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัด ต้องมีคุณสมบัติโดยเฉพาะอีกส่วนหนึ่ง ดังนี้
- (๑) มีพรรษาพ้น ๑๐ กับมีสำนักอยู่ในเขตจังหวัดนั้น และ
- (๒) กำลังดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะจังหวัดนั้นมาแล้วไม่ต่ำกว่า ๒ ปี หรือ
- (๓) กำลังดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอในจังหวัดนั้นมาแล้วไม่ต่ำกว่า ๔ ปี หรือ
- (๔) มีสมณศักดิ์ไม่ต่ำกว่าพระราชาคณะชั้นสามัญ หรือเป็นพระคณาจารย์โทขึ้นไป หรือเป็นเปรียญธรรมไม่ต่ำกว่า ๖ ประโยค
- ถ้าจะคัดเลือกพระภิกษุผู้มีคุณสมบัติตาม (๒) (๓) หรือ (๔) ไม่ได้ หรือได้แต่ไม่เหมาะสม มหาเถรสมาคมอาจพิจารณาผ่อนผันได้เฉพาะกรณี
- ข้อ ๑๕ ในการแต่งตั้งเจ้าคณะจังหวัดในภาคใด ให้เจ้าคณะภาคนั้นพิจารณาคัดเลือกพระภิกษุผู้มีคุณสมบัติตามข้อ ๖ และข้อ ๑๔ เสนอเจ้าคณะใหญ่พิจารณา เพื่อมีพระบัญชาแต่งตั้งตามมติมหาเถรสมาคม
- ข้อ ๑๖ ในการแต่งตั้งรองเจ้าคณะจังหวัด ให้นำบทบัญญัติในข้อ ๑๕ มาใช้บังคับโดยอนุโลม